top of page
< Back

ฉีดโบท็อกซ์แก้ไมเกรน

การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนคืออะไร?
เป็นวิธีการรักษาไมเกรนเรื้อรังที่ได้รับการรับรองจาก FDA โดยใช้โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและลำคอ เพื่อช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะไมเกรน

โบท็อก พัทยา, ฉีดโบท็อกซ์ พัทยา, คลินิกความงามพัทยา, Allergan pattaya, BTXA, Botox Nabota, Botox Xeomin, Xeomin Pattaya, Botulinum toxin, ฺBOTOX Pattaya, โบท็อกซ์, ลิฟกรอบหน้า, ริ้วรอย, หางตา, ลดกราม, รัดแกนจมูก, ลดเหงื่อ

🌟 การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน 🌟

💫 ไมเกรนและการรักษาด้วยโบท็อกซ์

ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะรุนแรงที่มักเกิดซ้ำและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต 😣 การฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin Type A) เป็นวิธีการรักษาไมเกรนที่ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรังที่มีอาการปวดศีรษะ 15 วันหรือมากกว่าต่อเดือน โดยอย่างน้อย 8 วันเป็นอาการไมเกรน

🧠 กลไกการทำงานของโบท็อกซ์ในการรักษาไมเกรน

โบท็อกซ์ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนโดย:

  • 🚫 ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท ที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด

  • 🛑 ลดการอักเสบ ของเส้นประสาทไทรเจมินัล (Trigeminal nerve)

  • 💆‍♀️ ลดความตึงของกล้ามเนื้อ บริเวณศีรษะและลำคอ

  • 🔄 ปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน

👨‍⚕️ ผู้ที่เหมาะสมกับการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

  • 🔄 ผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง (มีอาการปวดศีรษะ 15 วันหรือมากกว่าต่อเดือน)

  • 💊 ผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาป้องกันไมเกรนแบบดั้งเดิม

  • 😣 ผู้ที่มีผลข้างเคียงรุนแรงจากยารักษาไมเกรนแบบดั้งเดิม

  • 🚫 ผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ยาแก้ปวดไมเกรนแบบเฉียบพลัน

  • 🤰 ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาป้องกันไมเกรนเนื่องจากการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง)

🩺 ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

🔍 การปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษา

  • 📋 ประเมินประวัติไมเกรน และความถี่ของอาการ

  • 📊 ตรวจสอบยาที่ใช้อยู่ และการตอบสนองต่อการรักษาก่อนหน้า

  • 🧪 ตรวจร่างกาย เพื่อยืนยันการวินิจฉัยไมเกรน

  • 📝 อธิบายขั้นตอนการรักษา ผลที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  • 📸 บันทึกตำแหน่งและความรุนแรงของอาการปวด เพื่อวางแผนการรักษา

💉 ขั้นตอนการฉีด

  1. 🧼 ทำความสะอาดผิว บริเวณที่จะฉีด

  2. 🧊 ประคบเย็น (บางกรณี) เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด

  3. 💉 ฉีดโบท็อกซ์ เข้าที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อตามจุดต่างๆ ประมาณ 31-39 จุด ใน 7 บริเวณ:

    • 👁️ กล้ามเนื้อคิ้ว (Corrugator)

    • 👁️ กล้ามเนื้อหน้าผาก (Frontalis)

    • 👃 กล้ามเนื้อจมูก (Procerus)

    • 👂 กล้ามเนื้อขมับ (Temporalis)

    • 💆‍♀️ กล้ามเนื้อท้ายทอย (Occipitalis)

    • 👩 กล้ามเนื้อคอด้านข้าง (Cervical paraspinal)

    • 💪 กล้ามเนื้อบ่าและต้นคอ (Trapezius)

  4. 🩹 เช็ดทำความสะอาด บริเวณที่ฉีด

  5. ⏱️ ระยะเวลาทั้งหมด: ประมาณ 15-30 นาที



🌿 การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

🗓️ 7 วันก่อนการฉีด:

  • 🚫 งดยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, อิบูโพรเฟน

  • 🚫 งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา, วิตามิน E, กิงโก บิโลบา

  • 📝 จดบันทึกอาการปวดศีรษะ ความถี่ ความรุนแรง และปัจจัยกระตุ้น

  • 📊 บันทึกยาที่ใช้บรรเทาอาการ และประสิทธิภาพ

🗓️ 48 ชั่วโมงก่อนการฉีด:

  • 🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

  • 💦 ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ

  • 😴 พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดโอกาสการเกิดไมเกรนในวันที่รับการรักษา

🗓️ วันที่ฉีด:

  • 🧼 ล้างหน้าและศีรษะให้สะอาด ไม่ทาครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

  • 🚿 สระผมให้สะอาด (หากฉีดบริเวณศีรษะและท้ายทอย)

  • 💊 แจ้งแพทย์ หากมีการใช้ยาประจำหรือมีโรคประจำตัว

  • 👚 สวมเสื้อผ้าที่สวมใส่สะดวก โดยเฉพาะเสื้อที่เปิดคอได้ง่าย

  • 🍽️ ทานอาหารตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือน้ำ

  • 🚗 มีผู้ติดตาม หรือวางแผนการเดินทางกลับ เนื่องจากอาจมีอาการปวดศีรษะหลังการรักษา

🌺 การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

🕒 4-6 ชั่วโมงแรกหลังฉีด:

  • 🚫 ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการกระจายของยา

  • 🧍‍♀️ ให้ศีรษะตั้งตรง ไม่ก้มหน้านานๆ

  • 🚫 หลีกเลี่ยงการนอนราบ ในช่วง 4 ชั่วโมงแรก

  • 🧊 ประคบเย็น หากมีอาการปวดหรือบวม

🗓️ 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด:

  • 🚫 งดการนวดศีรษะ หรือบริเวณที่ฉีด

  • 🚫 งดการสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า, อบไอน้ำ, อาบน้ำร้อนจัด

  • 💧 ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะที่อาจเกิดขึ้น

  • 🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • 🚫 งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องก้มศีรษะนานๆ

🗓️ 3-7 วันหลังฉีด:

  • 📝 บันทึกอาการปวดศีรษะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการรักษา

  • 💊 ใช้ยาแก้ปวดตามปกติ หากยังมีอาการไมเกรน (โบท็อกซ์อาจใช้เวลา 7-10 วันจึงจะเห็นผล)

  • 😴 พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไมเกรน

  • 🧘‍♀️ ทำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ, โยคะเบาๆ, การทำสมาธิ

🗓️ 2 สัปดาห์หลังฉีด:

  • 📞 ติดตามผลกับแพทย์ หากไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของอาการ

  • 📊 ประเมินความถี่และความรุนแรง ของอาการไมเกรน

  • 🔄 ปรับการใช้ยาป้องกันไมเกรน ตามคำแนะนำของแพทย์

⏱️ ผลลัพธ์และระยะเวลา

  • เริ่มเห็นผล: 7-10 วันหลังการฉีด

  • 🌟 ผลชัดเจนที่สุด: 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด

  • 🕰️ ระยะเวลาอยู่ตัว: 3-4 เดือน

  • 🔄 การฉีดซ้ำ: ทุก 12 สัปดาห์ (ประมาณ 3 เดือน)

  • 📈 ประสิทธิภาพระยะยาว: ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเห็นผลดีขึ้นหลังการฉีดครั้งที่ 2-3

⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

🔸 ผลข้างเคียงทั่วไป (ปกติ):

  • 💉 รอยแดง รอยช้ำเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด (หายใน 1-3 วัน)

  • 🤕 ปวดศีรษะชั่วคราว หลังการฉีด (มักหายภายใน 24-48 ชั่วโมง)

  • 😵 อาจมีอาการวิงเวียนเล็กน้อย

  • 😫 ปวดคอชั่วคราว (กรณีฉีดบริเวณคอและบ่า)

🔸 ผลข้างเคียงที่อาจพบได้:

  • 😴 หนังตาตก (หากฉีดใกล้บริเวณตามากเกินไป)

  • 😵‍💫 คอเคล็ด หรือปวดคอ

  • 😣 กลืนลำบากชั่วคราว (หากฉีดบริเวณคอ)

  • 🤢 คลื่นไส้ หรืออาเจียน (พบได้น้อย)

🔴 ผลข้างเคียงที่ควรปรึกษาแพทย์:

  • 🥴 คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง

  • 🤒 มีไข้

  • 😣 กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากเกินไป จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

  • 🦠 มีอาการติดเชื้อ เช่น บวมแดง ร้อน มีหนอง

  • 🤧 มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก

💰 ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

  • 💲 ราคาโดยทั่วไป: 20,000 - 45,000 บาท/ครั้ง

  • 💲 คลินิกทั่วไป: 20,000 - 30,000 บาท/ครั้ง

  • 💲 โรงพยาบาลเอกชน: 30,000 - 45,000 บาท/ครั้ง

  • 💲 โรงพยาบาลรัฐ: 15,000 - 25,000 บาท/ครั้ง

หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล แพทย์ผู้ทำการรักษา และปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้

🚫 ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

  • 🤰 ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

  • 🦠 มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด

  • 🧬 โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น Myasthenia gravis, Lambert-Eaton syndrome

  • 💊 แพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์

  • 🩸 มีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด

  • 🧠 โรคระบบประสาทบางชนิด

🌟 ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

  • ลดความถี่และความรุนแรง ของอาการไมเกรน

  • ลดการใช้ยาแก้ปวด ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงในระยะยาว

  • ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน เหมือนยาป้องกันไมเกรนแบบดั้งเดิม

  • ผลการรักษาอยู่ได้นาน 3-4 เดือนต่อครั้ง

  • ไม่มีผลข้างเคียงทางระบบ เหมือนยาป้องกันไมเกรนบางชนิด

  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต โดยรวม

  • ลดการขาดงานหรือกิจกรรมทางสังคม เนื่องจากไมเกรน

📊 ประสิทธิภาพของการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน

  • 📉 ลดจำนวนวันที่มีอาการปวดศีรษะ ประมาณ 50% ในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษา

  • 📉 ลดความรุนแรงของอาการปวด ในผู้ป่วยประมาณ 70%

  • 📉 ลดการใช้ยาแก้ปวด ประมาณ 40-50%

  • 📈 ผู้ป่วยประมาณ 65-70% รายงานว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

  • ⏱️ ผลการรักษาดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการฉีดซ้ำหลายครั้ง

🔍 คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

💭 การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนเจ็บมากไหม?

🌟 การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนมีความเจ็บปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากต้องฉีดหลายจุด (31-39 จุด) แต่ใช้เข็มขนาดเล็กมาก และฉีดเพียงตื้นๆ บางคลินิกอาจใช้ครีมชาเฉพาะที่หรือประคบเย็นเพื่อลดความเจ็บปวด

💭 จะเห็นผลเมื่อไหร่?

🌟 ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลภายใน 7-10 วันหลังการฉีด แต่บางรายอาจใช้เวลานานถึง 2-3 สัปดาห์ ผลการรักษาจะชัดเจนที่สุดหลังจาก 4-6 สัปดาห์ และการฉีดครั้งแรกอาจไม่ได้ผลเต็มที่ การฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง (ทุก 3 เดือน) จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

💭 โบท็อกซ์รักษาไมเกรนแตกต่างจากโบท็อกซ์เพื่อความงามอย่างไร?

🌟 แม้จะเป็นสารเดียวกัน แต่การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนใช้ตำแหน่งการฉีด ปริมาณ และเทคนิคที่แตกต่างจากการฉีดเพื่อความงาม โบท็อกซ์รักษาไมเกรนฉีดลึกกว่าเข้าไปในกล้ามเนื้อ และฉีดหลายตำแหน่งตามแนวเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน

💭 การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนจะส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าหรือไม่?

🌟 หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงออกทางสีหน้ามากนัก อาจมีผลเล็กน้อยบริเวณหน้าผากและคิ้ว แต่น้อยกว่าการฉีดเพื่อความงาม เนื่องจากเทคนิคและตำแหน่งการฉีดแตกต่างกัน

💭 ประกันสุขภาพครอบคลุมการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนหรือไม่?

🌟 ในประเทศไทย ประกันสุขภาพบางแห่งอาจครอบคลุมการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน หากมีการวินิจฉัยอย่างชัดเจนและมีประวัติการรักษาด้วยวิธีอื่นมาก่อนแล้วไม่ได้ผล ควรตรวจสอบกับบริษัทประกันของท่าน สำหรับสิทธิประกันสังคมและบัตรทอง อาจมีให้บริการในโรงพยาบาลรัฐบางแห่ง แต่อาจต้องรอคิวนาน

💭 ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน?

🌟 โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดทุก 12 สัปดาห์ (3 เดือน) อย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยบางรายที่ตอบสนองดีมากอาจยืดระยะเวลาเป็น 4-5 เดือนได้ ส่วนใหญ่ต้องฉีดอย่างน้อย 2-3 ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

💭 หากฉีดแล้วไม่ได้ผล จะทำอย่างไร?

🌟 หากฉีดครั้งแรกไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดซ้ำอีก 1-2 ครั้ง เนื่องจากผู้ป่วยบางรายต้องการการฉีดหลายครั้งจึงจะเห็นผล หากฉีด 2-3 ครั้งแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาวิธีการรักษาอื่น เช่น การฉีด CGRP monoclonal antibodies หรือการกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า

🌈 ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน

💊 การรักษาด้วยยา:

  • 💊 ยาป้องกันไมเกรนแบบดั้งเดิม เช่น ยากันชัก, ยาลดความดัน, ยาต้านซึมเศร้า

  • 💉 การฉีด CGRP monoclonal antibodies เช่น Erenumab, Fremanezumab

  • 💊 ยาแก้ปวดเฉพาะสำหรับไมเกรน เช่น Triptans, Gepants

🔌 การรักษาด้วยอุปกรณ์:

  • 🧠 อุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า เช่น Cefaly, gammaCore

  • 🧲 การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (TMS)

🧘‍♀️ การรักษาเสริมและทางเลือก:

  • 🧘‍♀️ การฝึกไบโอฟีดแบ็ก และเทคนิคผ่อนคลาย

  • 💆‍♀️ การนวดบำบัด และการฝังเข็ม

  • 🍽️ การปรับเปลี่ยนอาหาร และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น

  • 😴 การปรับปรุงสุขอนามัยการนอน

🌟 สรุป

การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง


🌟 รายละเอียดเปรียบเทียบโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ 🌟

💎 1. Nabota 100U (ราคา 2,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇰🇷 เกาหลีใต้

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

✨ 2. BTXA 100U (ราคา 7,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇨🇳 จีน

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🌸 3. Neuronox 100U (ราคา 5,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇰🇷 เกาหลีใต้

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🦋 4. Xeomin 100U (ราคา 14,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇩🇪 เยอรมนี

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🦅 5. Botox USA (Allergan) 100U (ราคา 19,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇺🇸 สหรัฐอเมริกา

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

📊 เปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญ

คุณสมบัติ

Nabota

BTXA

Neuronox

Xeomin

Botox USA

ราคา (บาท)

2,999

7,999

5,999

14,999

19,999

ประเทศผลิต

เกาหลีใต้

จีน

เกาหลีใต้

เยอรมนี

สหรัฐอเมริกา

เห็นผลใน

3-7 วัน

3-5 วัน

3-7 วัน

5-7 วัน

3-7 วัน

ติดทนนาน

4-6 เดือน

3-5 เดือน

4-6 เดือน

6-8 เดือน

6-8 เดือน

การรับรอง

KFDA, US FDA

CFDA

KFDA, CE

US FDA, EMA

US FDA, ทั่วโลก

ความบริสุทธิ์

ปานกลาง-สูง

ปานกลาง

สูง

สูงที่สุด

สูง

เหมาะสำหรับ

ผู้เริ่มต้น

ผู้มีงบปานกลาง

ผู้ต้องการความคุ้มค่า

ผู้แพ้ง่าย/ดื้อยา

ผู้ต้องการคุณภาพสูงสุด

💡 คำแนะนำในการเลือกโบท็อกซ์ตามความต้องการ

👛 สำหรับผู้มีงบประมาณจำกัด:

🧬 สำหรับผู้ที่แพ้ง่ายหรือดื้อยา:

⏳ สำหรับผู้ต้องการผลลัพธ์ที่ติดทนนาน:

💯 สำหรับผู้ต้องการความมั่นใจสูงสุด:

💰 สำหรับผู้ต้องการความคุ้มค่า:

🔍 ข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจเลือกโบท็อกซ์

  1. 👩‍⚕️ แพทย์ผู้ฉีดสำคัญกว่ายี่ห้อ: ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์มีผลต่อความสำเร็จของการรักษามากกว่าแบรนด์โบท็อกซ์

  2. 🧬 ความเข้ากันได้กับร่างกาย: แต่ละคนอาจตอบสนองต่อโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการ

  3. 💉 ปริมาณการใช้: นอกจากยี่ห้อแล้ว ปริมาณยูนิตที่ใช้ก็มีผลต่อผลลัพธ์และราคา

  4. 🕒 ความถี่ในการฉีด: โบท็อกซ์ราคาถูกอาจต้องฉีดบ่อยกว่า เมื่อคิดระยะยาวอาจไม่ประหยัดกว่า

  5. 🏥 มาตรฐานคลินิก: เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และมีใบรับรอง

🌈 สรุป

โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ ความต้องการเฉพาะบุคคล และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ไม่ว่าจะเลือกยี่ห้อใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ 💖

ลิตเติ้ลวอล์คพัทยา 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

 Good Doctor Medical clinic 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

Tel: +6633002322

bottom of page