top of page
< Back

โบท็อกกราม

การฉีดโบท็อกกรามเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการลดขนาดกรามและปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามที่มีการใช้งานมากเกินไป ทำให้กรามดูเล็กลงและใบหน้าดูเรียวขึ้น มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับโบท็อกกรามกัน

โบท็อก พัทยา, ฉีดโบท็อกซ์ พัทยา, คลินิกความงามพัทยา, Allergan pattaya, BTXA, Botox Nabota, Botox Xeomin, Xeomin Pattaya, Botulinum toxin, ฺBOTOX Pattaya, โบท็อกซ์, ลิฟกรอบหน้า, ริ้วรอย, หางตา, ลดกราม, รัดแกนจมูก, ลดเหงื่อ

🌟 โบท็อกซ์กราม 🌟

💎 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโบท็อกซ์กราม

🧬 โบท็อกซ์กรามคืออะไร?

โบท็อกซ์กราม (Masseter Botox) คือการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าสู่กล้ามเนื้อบดเคี้ยว (Masseter muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณกราม การรักษานี้ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น มีกรอบหน้าที่อ่อนโยนและเป็นรูปไข่มากขึ้น ✨

🎯 กลไกการทำงาน

โบท็อกซ์ทำงานโดยการยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาท acetylcholine ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและค่อยๆ เล็กลงเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลให้กรามดูเล็กลงและใบหน้าดูเรียวขึ้น 🌿

🌈 ประโยชน์ของโบท็อกซ์กราม

  1. ปรับรูปหน้าให้เรียว - ลดความกว้างของกราม ทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปไข่มากขึ้น 👩

  2. บรรเทาอาการนอนกัดฟัน - ช่วยลดอาการกัดฟันตอนนอนหลับ (Bruxism) 😴

  3. ลดอาการปวดขากรรไกร - บรรเทาอาการปวดจากภาวะ TMJ (Temporomandibular Joint Disorder) 😌

  4. ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อกราม - ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น 🧘‍♀️

  5. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ - ใบหน้าดูอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ ไม่ดูผิดปกติ ✨

🩺 ขั้นตอนการรักษา

📋 ก่อนการรักษา

  1. การปรึกษาแพทย์ - แพทย์จะประเมินโครงสร้างใบหน้า ขนาดกล้ามเนื้อกราม และความเหมาะสมในการรักษา 👩‍⚕️

  2. การถ่ายภาพก่อนรักษา - เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษา 📸

  3. การทำความสะอาดผิว - ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดและอาจทายาชาเฉพาะที่ 🧴

💉 ระหว่างการรักษา

  1. การฉีด - แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าที่กล้ามเนื้อกรามทั้งสองข้าง ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที 🕒

  2. ความเจ็บปวด - รู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายถูกยุงกัด อาจมีรอยแดงเล็กน้อย 🦟

  3. ปริมาณที่ใช้ - โดยทั่วไปใช้ประมาณ 20-50 ยูนิตต่อข้าง ขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อกราม 💧

🌱 หลังการรักษา

  1. ระยะเวลาเห็นผล - เริ่มเห็นผลภายใน 2-3 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 4-6 สัปดาห์ ⏱️

  2. ความคงทน - ผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 📆

  3. การรักษาต่อเนื่อง - ควรฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ หลังจากฉีดไปหลายครั้ง ระยะเวลาระหว่างการฉีดอาจยาวขึ้น 🔄

🌺 การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์กราม

🗓️ 7 วันก่อนฉีด

  1. งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด - เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน ไอบูโพรเฟน (ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา) 💊

  2. งดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด - เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา กระเทียม ขิง โสม 🌿

  3. งดสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด - เช่น แปะก๊วย กระเทียม ขิง 🍃

🍷 48 ชั่วโมงก่อนฉีด

  1. งดแอลกอฮอล์ - เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ 🍸

  2. งดยาแอสไพริน - และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) 💊

  3. งดวิตามินอีและน้ำมันปลา - เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ 🐟

🌞 วันฉีด

  1. มาด้วยหน้าสะอาด - ไม่ควรแต่งหน้ามา 🧼

  2. แจ้งประวัติแพ้ยา - และโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ 📝

  3. แจ้งการใช้ยาประจำ - รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้อยู่ 💊

  4. แจ้งประวัติการฉีดโบท็อกซ์ครั้งก่อน - หากเคยมีอาการแพ้หรือผลข้างเคียง 📋

  5. งดการออกกำลังกายหนัก - ในวันที่จะฉีด 🏋️‍♀️

🌸 การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์กราม

⏰ 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด

  1. นั่งตัวตรง - ไม่ควรนอนราบหรือก้มหน้านาน ๆ 🧍‍♀️

  2. ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด - เพื่อป้องกันการกระจายตัวของสาร 👐❌

  3. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง - หรืออาหารที่ต้องเคี้ยวมาก 🍖

🌙 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด

  1. ห้ามนอนคว่ำ - ควรนอนหงายหรือนอนตะแคง 🛌

  2. ห้ามนวดกราม - หรือกดบริเวณที่ฉีด 🙅‍♀️

  3. ห้ามอาบน้ำร้อน - หรือแช่ซาวน่า จากุซซี่ 🚿

  4. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ - เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย 🍷❌

  5. หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบิน - เนื่องจากความดันในห้องโดยสารอาจมีผลต่อการกระจายตัวของสาร ✈️

🌿 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด

  1. งดออกกำลังกายหนัก - หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก 🏊‍♀️

  2. งดการแต่งหน้าหนา - ควรแต่งหน้าบาง ๆ หรือไม่แต่งหน้าเลย 💄

  3. งดการนวดหน้า - หรือทรีตเมนต์ใบหน้าอื่น ๆ 💆‍♀️

  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง - และใช้ครีมกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป ☀️

🌱 1 สัปดาห์แรกหลังฉีด

  1. หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง - หรืออาหารที่ต้องเคี้ยวมาก 🍖

  2. หลีกเลี่ยงทรีตเมนต์ใบหน้า - เช่น เลเซอร์ IPL หรือการขัดผิว 🚫

  3. ดื่มน้ำมาก ๆ - เพื่อช่วยในการขับสารพิษ 💧

  4. ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ - เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น 🧴

🚨 ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

🩹 ผลข้างเคียงทั่วไป (พบบ่อย)

  1. รอยช้ำหรือบวม - มักหายได้เองภายใน 1-2 วัน 💜

  2. ปวดเล็กน้อย - บริเวณที่ฉีด สามารถรับประทานพาราเซตามอลได้ 💊

  3. ปวดศีรษะ - อาการมักไม่รุนแรงและหายได้เอง 🤕

  4. อาการชาชั่วคราว - บริเวณที่ฉีด มักหายไปภายใน 1-2 วัน 😶

⚠️ ผลข้างเคียงที่พบไม่บ่อย

  1. การเคี้ยวอ่อนแรง - อาจรู้สึกว่าเคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มที่ในช่วงแรก 🍔

  2. การพูดไม่ชัด - หากฉีดใกล้กับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด 🗣️

  3. ใบหน้าไม่สมมาตร - อาจเกิดจากการฉีดที่ไม่สม่ำเสมอ 🙃

  4. รอยยิ้มที่ผิดปกติ - หากโบท็อกซ์กระจายไปยังกล้ามเนื้อใกล้เคียง 😊

🔴 ผลข้างเคียงที่พบน้อยมาก (แต่ควรรีบพบแพทย์)

  1. อาการแพ้รุนแรง - เช่น ผื่น คัน บวม หายใจลำบาก 😱

  2. ปวดรุนแรง - ที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด 😖

  3. กลืนลำบาก - หรือพูดไม่ชัด (หากฉีดใกล้คอ) 😮‍💨

  4. ชาที่ลิ้นหรือริมฝีปาก - อาจเกิดจากการฉีดที่ผิดตำแหน่ง 👅




💎 ข้อควรรู้เพิ่มเติม

🧩 ความแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์กรามและการผ่าตัดลดกราม

  1. โบท็อกซ์กราม - ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ฟื้นตัวเร็ว แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร 💉

  2. การผ่าตัดลดกราม - ต้องผ่าตัด มีความเสี่ยงสูงกว่า ฟื้นตัวนาน แต่ผลลัพธ์ถาวร 🔪

🎯 ใครเหมาะสมกับการฉีดโบท็อกซ์กราม?

  1. ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ - ไม่ใช่จากโครงสร้างกระดูก 🦴

  2. ผู้ที่มีอาการนอนกัดฟัน - หรือมีอาการปวดขากรรไกร 😬

  3. ผู้ที่ต้องการใบหน้าที่เรียวขึ้น - โดยไม่ต้องการผ่าตัด 👩

  4. ผู้ที่มีสุขภาพดี - ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้าม 🏥

🚫 ใครไม่ควรฉีดโบท็อกซ์กราม?

  1. ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร - ควรรอจนกว่าจะหยุดให้นมบุตร 🤰

  2. ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์ - หรือเคยมีปฏิกิริยาแพ้รุนแรง 🧪

  3. ผู้ที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง - เช่น Myasthenia Gravis 🏥

  4. ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด - ควรรักษาให้หายก่อน 🦠

🌟 คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

💭 โบท็อกซ์กรามเจ็บมากไหม?

การฉีดโบท็อกซ์กรามมีความเจ็บเล็กน้อย คล้ายกับการโดนยุงกัด แพทย์อาจใช้ครีมชาหรือน้ำแข็งช่วยลดความเจ็บปวด 🦟

💭 จะเห็นผลเมื่อไหร่?

เริ่มเห็นผลภายใน 2-3 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 4-6 สัปดาห์ การลดลงของกล้ามเนื้อกรามเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป ⏱️

💭 ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไป แนะนำให้ฉีดทุก 4-6 เดือน ในช่วงแรก หลังจากฉีดไปหลายครั้ง กล้ามเนื้อจะเล็กลงอย่างถาวรมากขึ้น อาจยืดระยะเวลาการฉีดเป็น 8-12 เดือนได้ 📆

💭 จะกระทบการเคี้ยวอาหารหรือไม่?

อาจรู้สึกว่าเคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มแรงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่ร่างกายจะปรับตัวและสามารถเคี้ยวอาหารได้ปกติ แม้กล้ามเนื้อจะเล็กลง 🍔

💭 โบท็อกซ์กรามช่วยลดอาการนอนกัดฟันได้จริงหรือ?

ใช่ โบท็อกซ์กรามช่วยลดแรงในการบดเคี้ยวและการกัดฟัน ทำให้อาการนอนกัดฟันดีขึ้น และช่วยลดอาการปวดขากรรไกรได้ 😬

💭 จะกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่?

สามารถกลับไปทำงานได้ทันทีหลังการฉีด ไม่จำเป็นต้องหยุดพัก แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด 👩‍💼

💭 โบท็อกซ์กรามเหมาะกับทุกคนหรือไม่?

ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับโบท็อกซ์กราม โดยเฉพาะผู้ที่มีกรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูก ไม่ใช่จากกล้ามเนื้อ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม 🧐

🌈 เทคนิคพิเศษในการฉีดโบท็อกซ์กราม

🦋 เทคนิค 3D Facial Contouring

การฉีดโบท็อกซ์กรามร่วมกับการฉีดบริเวณอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้อคอ เพื่อปรับรูปหน้าแบบองค์รวม ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น ✨

🦢 เทคนิค Micro-Botox for Jawline

การฉีดโบท็อกซ์ปริมาณน้อยๆ กระจายหลายจุดบริเวณกราม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง 💉

🌹 เทคนิค Combined Therapy

การฉีดโบท็อกซ์กรามร่วมกับการใช้ฟิลเลอร์เสริมคาง หรือฟิลเลอร์เสริมแก้ม เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลและสวยงามมากขึ้น 👸

💎 คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ - การฉีดโบท็อกซ์กรามควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและได้รับการรับรอง 👨‍⚕️

  2. ตั้งความคาดหวังที่สมเหตุสมผล - โบท็อกซ์กรามช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกได้ 🧩

  3. เริ่มจากปริมาณน้อย - โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ฉีดครั้งแรก สามารถเพิ่มปริมาณได้ในการฉีดครั้งต่อไปหากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ 🔍

  4. ถ่ายรูปก่อน-หลัง - เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้ 📸

  5. ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด - เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง 📝

  6. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ - เพื่อป้องกันริ้วรอยจากแสงแดด และยืดอายุผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ ☀️

  7. ดูแลสุขภาพผิวโดยรวม - ด้วยการทาครีมบำรุง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ และนอนหลับให้เพียงพอ 🥗

  8. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง - หรืออาหารที่ต้องเคี้ยวมากเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อกรามแข็งแรงขึ้น 🍬

โบท็อกซ์กรามเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการนอนกัดฟันและอาการปวดขากรรไกรได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณ 💖✨




🌟 รายละเอียดเปรียบเทียบโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ 🌟

💎 1. Nabota 100U (ราคา 2,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇰🇷 เกาหลีใต้

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

✨ 2. BTXA 100U (ราคา 7,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇨🇳 จีน

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🌸 3. Neuronox 100U (ราคา 5,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇰🇷 เกาหลีใต้

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🦋 4. Xeomin 100U (ราคา 14,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇩🇪 เยอรมนี

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

🦅 5. Botox USA (Allergan) 100U (ราคา 19,999 บาท)

ประเทศต้นกำเนิด: 🇺🇸 สหรัฐอเมริกา

รายละเอียด:

ข้อดี:

ข้อเสีย:

📊 เปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญ

💡 คำแนะนำในการเลือกโบท็อกซ์ตามความต้องการ

👛 สำหรับผู้มีงบประมาณจำกัด:

🧬 สำหรับผู้ที่แพ้ง่ายหรือดื้อยา:

⏳ สำหรับผู้ต้องการผลลัพธ์ที่ติดทนนาน:

💯 สำหรับผู้ต้องการความมั่นใจสูงสุด:

💰 สำหรับผู้ต้องการความคุ้มค่า:

🔍 ข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจเลือกโบท็อกซ์

  1. 👩‍⚕️ แพทย์ผู้ฉีดสำคัญกว่ายี่ห้อ: ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์มีผลต่อความสำเร็จของการรักษามากกว่าแบรนด์โบท็อกซ์

  2. 🧬 ความเข้ากันได้กับร่างกาย: แต่ละคนอาจตอบสนองต่อโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการ

  3. 💉 ปริมาณการใช้: นอกจากยี่ห้อแล้ว ปริมาณยูนิตที่ใช้ก็มีผลต่อผลลัพธ์และราคา

  4. 🕒 ความถี่ในการฉีด: โบท็อกซ์ราคาถูกอาจต้องฉีดบ่อยกว่า เมื่อคิดระยะยาวอาจไม่ประหยัดกว่า

  5. 🏥 มาตรฐานคลินิก: เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และมีใบรับรอง

🌈 สรุป

โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ ความต้องการเฉพาะบุคคล และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ไม่ว่าจะเลือกยี่ห้อใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ 💖

ลิตเติ้ลวอล์คพัทยา 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

 Good Doctor Medical clinic 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

Tel: +6633002322

bottom of page