คลินิกความงามพัทยา โบท็อกซ์ พัทยา ฟิลเลอร์ ไฮฟู เลเซอร์ ...ที่คลินิกกู๊ดด็อกเตอร์บิวตี้คลีนิก ลิ้ตเติ้ลวอล์ค พัทยา
โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์แตกต่างกันยังไง
โบท็อกซ์ เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและการปรับรูปหน้าที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเ นื้อ
ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน รวมถึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
🌟 โบท็อกซ์ vs ฟิลเลอร์: เปรียบเทียบแบบละเอียดที่สุด 🌟
📊 ความแตกต่างพื้นฐาน
💉 โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร
โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าของสาร Botulinum Toxin Type A ที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ในปริมาณที่ควบคุม ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลดลง
🎯 กลไกการทำงาน: ยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาท acetylcholine ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่
💧 ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือสารที่ใช้เติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า ส่วนใหญ่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย ทำงานโดยการเติมเต็มพื้นที่ที่มีการยุบตัวหรือสูญเสียปริมาตร
🎯 กลไกการทำงาน: เติมเต็มร่องลึกและเพิ่มปริมาตรให้กับผิวโดยตรง
🔍 ตารางเปรียบเทียบแบบละเอียด
📋 หัวข้อเปรียบเทียบ | 💉 โบท็อกซ์ | 💧 ฟิลเลอร์ |
ส่วนประกอบหลัก | Botulinum Toxin Type A | กรดไฮยาลูโรนิก (ส่วนใหญ่), Calcium Hydroxylapatite, Poly-L-lactic Acid |
กลไกการทำงาน | ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ | เติมเต็มปริมาตรโดยตรง |
แก้ไขปัญหา | ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว | ร่องลึก, การสูญเสียปริมาตร |
ระยะเวลาเห็นผล | 3-7 วัน | ทันทีหลังฉีด |
ระยะเวลาอยู่ตัว | 3-6 เดือน | 6-24 เดือน (ข ึ้นกับชนิด) |
ความเจ็บปวด | ⭐⭐ (น้อยกว่า) | ⭐⭐⭐ (มากกว่า) |
การย้อนกลับ | ไม่สามารถย้อนกลับได้ ต้องรอหมดฤทธิ์ | สามารถสลายได้ด้วย Hyaluronidase (HA Filler) |
ราคาโดยประมาณ | 3,000-15,000 บาท | 10,000-30,000 บาท |
ความเสี่ยง | หนังตาตก, กล้ามเนื้ออ่อนแรง | การอุดตันเส้นเลือด, ก้อนแข็ง, การติดเชื้อ |
การฟื้นตัว | เร็วกว่า (ไม่มีการบวม) | ช้ากว่า (มีการบวม 1-3 วัน) |
🎯 บริเวณที่เหมาะกับการใช้งาน
💉 โบท็อกซ์เหมาะกับ:
💧 ฟิลเลอร์เหมาะกับ:
👩⚕️ การเตรียมตัวก่อนฉีด
🌸 การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
🗓️ 7 วันก่อนฉีด:
🚫 งดยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, อิบูโพรเฟน
🚫 งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา, กระเทียม, ขิง
🚫 งดสมุนไพรบางชนิด เช่น โสม, แปะก๊วย
🗓️ 3 วันก่อนฉีด:
🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
🚫 งดผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol หรือ AHAs เข้มข้น
💦 เพิ่มการดื่มน้ำ
🗓️ วันที่ฉีด:
🧼 ล้างหน้าให้สะอาด ไม่ควรแต่งหน้า
👚 สวมเสื้อผ้าสบายๆ
📝 เตรียมประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว
📸 อาจถ่ายรูปก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
🌺 การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
🗓️ 10 วันก่อนฉีด:
🚫 งดยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
🚫 งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
🚫 งดสมุนไพรที่มีฤทธิ์บางเลือด
🗓️ 48 ชั่วโมงก่อนฉีด:
🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
🚫 งดผลิตภัณฑ์ที่มีสารกระตุ้นผิว เช่น Retinol, AHAs, BHAs
💦 ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
🗓 ️ วันที่ฉีด:
🧼 ล้างหน้าให้สะอาด ไม่ควรแต่งหน้า
🧊 เตรียมถุงน้ำแข็งสำหรับประคบหลังฉีด
📝 แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
🚫 แจ้งแพทย์หากเคยมีประวัติเป็นโรคเริม (Herpes) เพราะการฉีดอาจกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ
🌈 การดูแลตัวเองหลังฉีด
🌸 การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์
🕒 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด:
🧍♀️ พยายามอยู่ในท่าตั้งตรง ไม่นอนราบ
👆 ไม่สัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
🚫 ไม่โน้มตัวไปข้างหน้า
😐 ฝึกขยับกล้ามเนื้อที่ฉีดเบาๆ (ตามคำแนะนำของแพทย์)
🗓️ 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด:
🚿 สามารถอาบน้ำได้ แต่ไม่ควรล้างหน้าแรงๆ
🚫 หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนัก
🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
🚫 งดการนวดหน้า
🚫 หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ
🗓️ 1 สัปดาห์หลังฉีด:
🧴 ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน
💧 ดื่มน้ำมากๆ
🚫 ยังไม่ควรทำทรีตเมนต์หน้าที่รุนแรง
🌺 การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
🕒 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด:
🧊 ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด (15 นาที เว้น 15 นาที) เพื่อลดการบวม
🚫 ไม่นวดหรือกดบริเวณท ี่ฉีด (เว้นแต่แพทย์แนะนำ)
🛌 นอนหงาย ยกศีรษะสูง
🚫 งดการออกกำลังกายหนัก
🚫 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
💊 ทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้หากมีอาการปวด (ห้ามทาน NSAIDs)
🗓️ 48 ชั่วโมงหลังฉีด:
🚫 หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง
🚫 งดการแต่งหน้าหนา (เครื่องสำอางเบาๆ ใช้ได้)
🚫 หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
🗓️ 2 สัปดาห์หลังฉีด:
🚫 งดทรีตเมนต์หน้า เช่น เลเซอร์, IPL, RF
🧴 ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
💧 ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
🥦 รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง
⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
🌸 ผลข้างเคียงของโบท็อกซ์
🔸 ผลข้างเคียงทั่วไป (ปกติ):
💉 รอยแดง รอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด (หายใน 1-2 วัน)
🤕 ปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
😵 อาจมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย
🔴 ผลข้างเคียงที่ควรปรึกษาแพทย์:
🥴 คลื่นไส้ อาเจียน
🤒 มีไข้
👁️ หนังตาตก
😣 กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากผิดปกติ
🗣️ พูดไม่ชัด กลืนลำบาก
👀 มองเห็นซ้อน
🌺 ผลข้างเคียงของฟิลเลอร์
🔸 ผลข้างเคียงทั่วไป (ปกติ):
💉 รอยแดง รอยช้ำบริเวณที่ฉีด
🤕 ปวดบริเวณที่ฉีด
🎭 บวมเล็กน้อย (1-3 วัน)
🧊 รู้สึกแข็งบริเวณที่ฉีด (จะค่อยๆ นุ่มขึ้น)
🔍 อาจมองเห็นฟิลเลอร์ใต้ผิวหนัง (Tyndall effect) โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา
🔴 ผลข้างเคียงที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที:
🚨 ปวดรุนแรงผิดปกติ
🚨 บวมมากผิดปกติ
🚨 ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว-เทา หรือซีดขาว
🚨 มีอาการชา หรือรู้สึกผิดปกติมาก
🚨 มีก้อนแข็งที่ไม่หายไป
🚨 การอุดตันของเส้นเลือด (vascular occlusion) - ภาวะฉุกเฉิน!
💡 ข้อเปรียบเทียบเชิงลึก: โบท็อกซ์ vs ฟิลเลอร์
🔍 การเลือกใช้ตามอายุ
🔍 ความคุ้มค่าระยะยาว
🌸 โบท็อกซ์:
💰 ราคาต่อครั้งถูกกว่า
🔄 ต้องฉีดบ่อยกว่า (ทุก 3-6 เดือน)
📊 ค่าใช้จ่ายต่อปี: ประมาณ 6,000-30,000 บาท
🌸 ฟิลเลอร์:
💰 ราคาต่อครั้งสูงกว่า
🔄 ฉีดห่างกว่า (ทุก 6-24 เดือน)
📊 ค่าใช้จ่ายต่อปี: ประมาณ 10,000-30,000 บาท