ฉีดFillerแล้วบวมเกิดจากอะไร

💉 ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวม เกิดจากอะไร? (ละเอียดที่สุด)
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection) เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมสูงในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการบวมหลังการฉีดถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย แต่ในบางกรณีอาจบวมมากผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้:

📌 สาเหตุของอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ (ละเอียดที่สุด)
1. ปฏิกิริยาปกติของร่างกาย (Normal Reaction)
ร่างกายตอบสนองต่อการฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบวมเล็กน้อย
โดยปกติจะบวมประมาณ 1-3 วัน และค่อยๆ ลดลงเองภายใน 1 สัปดาห์
2. เทคนิคการฉีดของแพทย์
การฉีดเร็วเกินไปหรือแรงดันสูงเกินไป อาจทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บและบวมมากขึ้น
การฉีดในตำแหน่งที่มีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก เพิ่มโอกาสเกิดอาการบวมและช้ำ
3. ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดหรือมีโมเลกุลขนาดใหญ่ (High-density filler) อาจทำให้เกิดอาการบวมมากกว่าแบบที่มีโมเลกุลเล็ก
ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของสารที่ร่างกายตอบสนองได้ง่าย เช่น Hyaluronic Acid (HA) ที่มีการเชื่อมโยงโมเลกุลแน่นหนา อาจทำให้บวมมากขึ้นในระยะแรก
4. การแพ้หรือปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergic Reaction)
บางคนอาจมีอาการแพ้สารที่อยู่ในฟิลเลอร์ ทำให้เกิดอาการบวม แดง คัน หรือมีผื่นขึ้น
การแพ้อาจเกิดได้ทันทีหรือหลังฉีดไปหลายวัน
5. การติดเชื้อ (Infection)
หากขั้นตอนการฉีดไม่สะอาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้อาการบวมรุนแรงขึ้น มีอาการปวด มีไข้ หรือหนองร่วมด้วย
6. การดูแลตัวเองหลังฉีดไม่เหมาะสม
การสัมผัส กด นวด หรือขยี้บริเวณที่ฉีดมากเกินไป
การใช้ความร้อนหรือเย็นจัด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ การประคบร้อนหรือเย็นผิดวิธี
การออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดมากเกินไปในช่วงแรกหลังฉีด