ฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับการทำหัตถการอื่นได้ไหม

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่หลายคนอาจสงสัยว่าสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้หรือไม่ ข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับหัตถการอื่นๆ อย่างละเอียด

หัตถการที่สามารถทำร่วมกับฟิลเลอร์ได้
1. โบท็อกซ์ (Botox)
สามารถทำในวันเดียวกันได้ โดยแพทย์มักจะฉีดโบท็อกซ์ก่อน แล้วจึงตามด้วยฟิลเลอร์
ทั้งสองหัตถการเสริมซึ่งกันและกัน: โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว ส่วนฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึก
ผลลัพธ์จะดีกว่าการทำเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และร่องแก้ม
2. เมโสหน้าใส (Mesotherapy)
ควรเว้นระยะห่าง 1-2 สัปดาห์ หลังจากฉีดฟิลเลอร์
เมโสเธอราพีจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งเสริมผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
การทำเมโสหลังฟิลเลอร์จะช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
3. เลเซอร์กระชับผิวแบบอ่อน
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากฉีดฟิลเลอร์
เลเซอร์ความเข้มต่ำถึงปานกลางสามารถช่วยกระชับผิวและเพิ่มผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
ไม่ควรทำเลเซอร์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและบวม
4. ฉีดวิตามิน (Vitamin Injections)
สามารถทำในวันเดียวกันได้
การฉีดวิตามินซี หรือวิตามินผสมจะช่วยเพิ่มความกระจ่างใสและเสริมประสิทธิภาพของฟิลเลอร์
ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
หัตถการที่ควรระวังหรือไม่ควรทำร่วมกับฟิลเลอร์
1. HIFU / Ulthera (อัลเธอร่า)
ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน หลังจากฉีดฟิลเลอร์
คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือสลายตัวเร็วขึ้น
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
2. ร้อยไหม (Thread Lift)
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
การร้อยไหมอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
ควรทำร้อยไหมก่อน แล้วจึงตามด้วยฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มในภายหลัง
3. Chemical Peeling
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
การทำ Chemical Peeling ที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลต่อฟิลเลอร์
ควรเริ่มจาก Chemical Peeling ที่มีความเข้มข้นต่ำก่อน
4. เลเซอร์กระชับผิวแบบรุนแรง
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์
เลเซอร์ที่มีความร้อนสูงอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับความเข้มของเลเซอร์ให้เหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ แต่ต้องมีการวางแผนอย่างเหมาะสมและเว้นระยะเวลาที่เพียงพอ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการทำหัตถการจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด