ร้อยไหมจมูก

วันวิสาข์ 2540
12 มิ.ย.
ยาว 2 นาที

การร้อยไหมจมูกเป็นหัตถการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด (non-surgical) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและเอเชีย เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ มีความเจ็บปวดน้อย และใช้เวลาพักฟื้นสั้น หัตถการนี้เริ่มเป็นที่นิยมในเอเชียตะวันออกก่อนจะแพร่หลายมายังประเทศไทย โดยเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด

ประเภทของไหมที่ใช้ในการร้อยจมูก

1. ไหมละลาย (PDO - Polydioxanone)

คุณสมบัติ: เป็นไหมที่สามารถละลายได้เองในร่างกาย

ระยะเวลา: อยู่ในร่างกายประมาณ 6-12 เดือน

ข้อดี: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าระยะเวลาที่ไหมละลาย

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการทดลองร้อยไหมครั้งแรก หรือต้องการผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรมาก

2. ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)

คุณสมบัติ: มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่า PDO

ระยะเวลา: อยู่ในร่างกายประมาณ 12-18 เดือน

ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า และมีความแข็งแรงมากกว่า

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น

3. ไหม PCL (Polycaprolactone)

คุณสมบัติ: มีความยืดหยุ่นและความคงทนสูง

ระยะเวลา: อยู่ในร่างกายประมาณ 18-24 เดือน

ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานที่สุดในกลุ่มไหมละลาย

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานและมีความคงทน

4. ไหมถาวร (Non-absorbable Thread)

คุณสมบัติ: ไม่ละลายในร่างกาย

ระยะเวลา: อยู่ในร่างกายอย่างถาวร

ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย

ข้อควรระวัง: มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่า เช่น การทะลุผิวหนัง การติดเชื้อ

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรและเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

รูปแบบของไหมที่ใช้ร้อยจมูก

ไหมเส้นเดี่ยว (Monofilament): มีลักษณะเป็นเส้นเดียว เรียบ ใช้สำหรับเพิ่มความโด่งของสันจมูก

ไหมเกลียว (Twisted Thread): มีลักษณะเป็นเกลียว ให้แรงยึดเกาะดี

ไหมหนาม (Cog Thread): มีหนามเล็กๆ ช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี นิยมใช้กับการยกปลายจมูก

ไหมตาข่าย (Mesh Thread): มีลักษณะเป็นตาข่าย ใช้สำหรับเพิ่มปริมาตรและความกว้างของสันจมูกข้อดีของการร้อยไหมจมูก

ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบ

ใช้เวลาน้อย: ใช้เวลาในการทำเพียง 30-60 นาที สามารถกลับบ้านได้ทันที

พักฟื้นสั้น: ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 วัน

ปรับแต่งได้หลากหลาย: สามารถปรับแต่งรูปทรงจมูกได้หลายแบบ เช่น:

เพิ่มความโด่งของสันจมูกยกปลายจมูก

เพิ่มความชัดเจนของปลายจมูก

แก้ไขจมูกที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย

ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือดูเทียม

ย้อนกลับได้: หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถรอให้ไหมละลายหรือนำไหมออกได้

ข้อจำกัดของการร้อยไหมจมูก

ผลลัพธ์ไม่ถาวร: สำหรับไหมละลาย จำเป็นต้องทำซ้ำทุก 1-2 ปี

ข้อจำกัดด้านรูปทรง: ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกที่มีความผิดปกติมาก

ความเสี่ยงต่อการเคลื่อนที่ของไหม: ไหมอาจเคลื่อนที่หากได้รับแรงกระแทกหรือกดทับ

ข้อจำกัดด้านความโด่ง: ไม่สามารถทำให้จมูกโด่งมากเท่ากับการผ่าตัดเสริมจมูก

ขั้นตอนการร้อยไหมจมูกโดยละเอียด

1. ขั้นตอนการปรึกษาแพทย์ (Consultation)

แพทย์จะประเมินโครงสร้างจมูกและใบหน้า

วิเคราะห์ความเหมาะสมของการร้อยไหมแนะนำรูปแบบและชนิดของไหมที่เหมาะสม

ถ่ายภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์

ซักประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และการใช้ยา

2. ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ

ทำความสะอาดใบหน้าและจมูก

ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณจมูก (Local Anesthesia)

รอประมาณ 10-15 นาทีให้ยาชาออกฤทธิ์

ทาน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณจมูกและใบหน้า

3. ขั้นตอนการร้อยไหม

การเจาะรู: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะรูที่ปลายจมูกหรือบริเวณที่จะสอดไหม

การสอดไหม:

ใช้เข็มนำทาง (Guide Needle) หรือเข็มปลายทู่ (Cannula) สอดเข้าไปในชั้นผิวหนัง

สอดไหมเข้าไปตามเส้นทางที่วางแผนไว้ โดยทั่วไปจะเริ่มจากปลายจมูกขึ้นไปถึงสันจมูก

อาจมีการสอดไหมหลายเส้นเพื่อสร้างโครงสร้างที่แข็งแรง

การปรับแต่ง:

แพทย์จะปรับตำแหน่งและความตึงของไหมเพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการอาจใช้มือปั้นแต่งรูปทรงจมูกเพื่อให้ไหมเข้าที่

การยึดไหม:

ผูกปลายไหมหรือใช้เทคนิคพิเศษในการยึดไหมให้อยู่ในตำแหน่ง

ตัดปลายไหมส่วนเกิน

4. ขั้นตอนหลังทำหัตถการ

ทำความสะอาดบริเวณที่ทำอีกครั้ง

อาจติดเทปพิเศษเพื่อช่วยยึดรูปทรงจมูก

ให้คำแนะนำในการดูแลหลังทำ

นัดติดตามผลหลังทำ 1-2 สัปดาห์

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมจมูก (อย่างละเอียด)

1. การเตรียมตัวก่อนทำ 1-2 สัปดาห์

งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด:

แอสไพริน (Aspirin)

ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน

วิตามินอี ในปริมาณสูง

น้ำมันปลา หรือ Omega-3

สมุนไพรบางชนิด เช่น แปะก๊วย (Ginkgo biloba), กระเทียม (Garlic extract)

งดอาหารเสริมที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด

งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ:

กรดเอเอชเอ (AHA)

กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid)

เรตินอล (Retinol) หรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ

ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

2. การเตรียมตัวก่อนทำ 3-7 วัน

งดการดื่มแอลกอฮอล์: เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและการอักเสบ

งดการสูบบุหรี่: เพราะนิโคตินทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ส่งผลต่อการหายของแผล

หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด หรือซาวน่า: เพื่อลดการขยายตัวของหลอดเลือด

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น

รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง: ช่วยในการสร้างคอลลาเจน

3. การเตรียมตัวก่อนทำ 24 ชั่วโมง

พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง

งดการออกกำลังกายหนัก: เพื่อลดความดันโลหิตและการไหลเวียนเลือดที่มากเกินไป

งดการใช้เครื่องสำอางบริเวณจมูกและใบหน้า: มาทำหัตถการด้วยใบหน้าที่สะอาด

งดการรับประทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด: เพื่อลดการขยายตัวของหลอดเลือด

งดการรับประทานอาหารทะเล: เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้

4. วันทำหัตถการ

แต่งกายสบายๆ: สวมเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย ไม่รัดรูป

งดการใช้เครื่องประดับบริเวณใบหน้า: เช่น ต่างหู แหวนจมูก

มาถึงสถานพยาบาลก่อนเวลานัดอย่างน้อย 15-30 นาที

งดอาหารและน้ำก่อนทำ 4-6 ชั่วโมง: หากมีการใช้ยาสงบประสาท (กรณีที่แพทย์แนะนำ)

นำผู้ติดตามมาด้วย: หากมีการใช้ยาสงบประสาท

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหมจมูก (อย่างละเอียด)1. การดูแลในวันที่ทำหัตถการ (วันแรก)

ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณรอบๆ จมูก (ไม่ใช่บนจมูกโดยตรง) ครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวม

นอนศีรษะสูง: นอนหนุนหมอนสูงประมาณ 30-45 องศา เพื่อลดอาการบวม

งดการสัมผัสหรือกดจมูก: ห้ามแตะต้องหรือกดบริเวณจมูกโดยเด็ดขาด

รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: อาจมียาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ หรือยาปฏิชีวนะ

งดการเคี้ยวอาหารที่แข็ง: รับประทานอาหารอ่อนหรือเหลวในวันแรก

งดการแปรงฟันแรงๆ: เพราะอาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก

2. การดูแล 1-3 วันแรก

ประคบเย็น: ยังคงประคบเย็นต่อเนื่อง แต่ลดความถี่ลง เป็นวันละ 4-6 ครั้ง

หลีกเลี่ยงการเปียกน้ำบริเวณจมูก: อาบน้ำโดยระวังไม่ให้น้ำโดนบริเวณที่ทำ

งดการแสดงสีหน้าที่มากเกินไป: เช่น หัวเราะหรือยิ้มกว้างๆ ร้องไห้

งดการสวมแว่นตา: หากจำเป็นต้องใช้ ให้ใช้แว่นที่มีน้ำหนักเบา และไม่กดบนสันจมูก

งดการสวมหน้ากากอนามัยที่แน่นเกินไป: หากจำเป็นต้องใช้ ให้เลือกแบบที่ไม่กดบนจมูก

งดการรับประทานอาหารรสจัด: งดอาหารเผ็ด เค็มจัด หรือร้อนจัด

งดการดื่มแอลกอฮอล์: เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงในการบวม

3. การดูแล 4-7 วัน

เริ่มประคบอุ่น: หลังจาก 72 ชั่วโมงแรก สามารถเริ่มประคบอุ่นได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

ทำความสะอาดบริเวณแผลเบาๆ: ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาทำความสะอาดที่แพทย์แนะนำทาครีมหรือยาตามที่แพทย์สั่ง: อาจมีครีมลดการอักเสบหรือลดรอยแดง

เริ่มกลับมาทำกิจวัตรประจำวันเบาๆ ได้: แต่ยังคงหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

งดการนอนคว่ำ: ยังคงต้องนอนหงายหรือตะแคงเล็กน้อย ศีรษะสูงกว่าลำตัว

4. การดูแล 1-2 สัปดาห์

เริ่มกลับมาทำกิจวัตรปกติได้มากขึ้น: แต่ยังคงระวังการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก

เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้: เช่น เดิน หรือโยคะเบาๆ แต่งดการวิ่ง กระโดด หรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทก

ยังคงงดการสัมผัสหรือนวดจมูก: แม้จะรู้สึกว่าหายดีแล้ว

ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด

พบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามผลและตรวจสอบการหายของแผล

5. การดูแล 2-4 สัปดาห์

สามารถกลับมาออกกำลังกายได้มากขึ้น: แต่ยังควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่มีการปะทะ

สามารถใช้เครื่องสำอางได้: แต่ควรเลือกชนิดอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

ยังควรระวังการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก: เพราะไหมยังไม่ยึดเกาะสมบูรณ์

งดการนวดหน้าหรือทรีตเมนต์ใบหน้า: อย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ

6. การดูแลระยะยาว (1-6 เดือน)

ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด: เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือเม็ดสี

หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนรุนแรง: เช่น กีฬาที่มีการปะทะ หรือกิจกรรมเสี่ยง

ดูแลสุขภาพผิวโดยรวม: ทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, วิตามินอี หรือสารต้านอนุมูลอิสระ

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีคอลลาเจนสูง หรือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว

พบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามผลระยะยาวและประเมินความจำเป็นในการทำซ้ำอาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์ทันที

มีเลือดออกผิดปกติ: เลือดออกมากหรือไม่หยุด

ปวดรุนแรง: ปวดมากผิดปกติและไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด

บวมมากผิดปกติ: บวมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก 3-5 วัน

มีอาการติดเชื้อ: มีหนอง มีกลิ่นเหม็น มีไข้ หรือรู้สึกร้อนบริเวณที่ทำ

ไหมทะลุผิวหนัง: เห็นปลายไหมโผล่ออกมาจากผิวหนัง

จมูกผิดรูป: สังเกตเห็นความผิดปกติของรูปทรงจมูก เช่น บิดเบี้ยว หรือไม่สมมาตร

ชาหรือเสียความรู้สึกนานผิดปกติ: ชาเกิน 1 สัปดาห์

ผิวเปลี่ยนสี: ผิวบริเวณจมูกเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด หรือเขียวคล้ำ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. การร้อยไหมจมูกเจ็บมากไหม?การร้อยไหมจมูกมีความเจ็บปวดน้อย เนื่องจากมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการ อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีดยาชา และรู้สึกตึงหรือกดดันขณะสอดไหม แต่ไม่ถึงกับเจ็บปวดรุนแรง หลังทำอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง 1-3 วัน ซึ่งสามารถบรรเทาด้วยยาแก้ปวดทั่วไป

2. ร้อยไหมจมูกแล้วเห็นผลทันทีหรือไม่?

ใช่ จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ แต่อาจมีอาการบวมในช่วงแรก ทำให้จมูกดูใหญ่กว่าผลลัพธ์จริง หลังจากอาการบวมลดลงใน 1-2 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง

ระยะเวลาของการร้อยไหมจมูกระยะเวลาที่การร้อยไหมจมูกอยู่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของไหมที่ใช้ โดยแต่ละชนิดมีระยะเวลาการคงอยู่แตกต่างกัน ดังนี้:

ไหมละลาย (Absorbable Threads)

1. ไหม PDO (Polydioxanone)

ระยะเวลาที่ไหมอยู่ในร่างกาย: 6-12 เดือน

ผลลัพธ์ที่เห็นได้: อาจอยู่ได้นานถึง 8-14 เดือน เนื่องจากการกระตุ้นคอลลาเจน

ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองร้อยไหมครั้งแรก เพราะเป็นไหมที่ละลายเร็วที่สุด

ความนิยม: เป็นไหมที่นิยมใช้มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากราคาไม่แพงมากและให้ผลลัพธ์ดี

2. ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)

ระยะเวลาที่ไหมอยู่ในร่างกาย: 12-18 เดือน

ผลลัพธ์ที่เห็นได้: อาจอยู่ได้นานถึง 14-20 เดือน