ร้อยไหมช่วยสร้างคอลลาเจนได้ไหม
- วันวิสาข์ 2540
- 14 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
คำตอบคือ "ช่วยได้" การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นหัตถการที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ โดยบทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดถึงวิธีการที่การร้อยไหมช่วยสร้างคอลลาเจน พร้อมคำแนะนำในการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
กลไกการสร้างคอลลาเจนจากการร้อยไหม
การร้อยไหมช่วยสร้างคอลลาเจนได้ผ่านกระบวนการดังนี้:
1. การกระตุ้นการอักเสบระดับเซลล์
เมื่อเส้นไหมถูกฝังเข้าไปใต้ผิวหนัง ร่างกายจะมองว่าเป็น "สิ่งแปลกปลอม" ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบระดับเล็กน้อยในบริเวณนั้น เป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและควบคุมได้ การอักเสบนี้จะส่งสัญญาณให้เซลล์ fibroblasts เริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
2. การสร้างคอลลาเจนรอบเส้นไหม
เส้นไหมทำหน้าที่เป็น "โครงสร้าง" ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม โดยเฉพาะไหมชนิดละลาย เช่น PDO (Polydioxanone), PLLA (Poly-L-Lactic Acid), และ PCL (Polycaprolactone)
คอลลาเจนที่สร้างขึ้นจะช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว เพิ่มความหนาแน่น และลดริ้วรอย
3. การกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่
การร้อยไหมช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ (neovascularization) ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ทำหัตถการ ส่งผลให้เซลล์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูสภาพผิว
4. การสร้างโครงสร้างผิวใหม่
เมื่อไหมละลายหมดแล้ว (ระยะเวลาแตกต่างกันตามชนิดของไหม) คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นจะยังคงอยู่ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรองรับผิวหนังที่แข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
ชนิดของไหมที่ช่วยสร้างคอลลาเจน
1. PDO (Polydioxanone)
คุณสมบัติ: ละลายได้ใน 6-8 เดือน
การกระตุ้นคอลลาเจน: ระดับปานกลาง
เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและริ้วรอยตื้น
2. PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
คุณสมบัติ: ละลายได้ใน 12-18 เดือน
การกระตุ้นคอลลาเจน: ระดับสูง
เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและฟื้นฟูริ้วรอยลึก
3. PCL (Polycaprolactone)
คุณสมบัติ: ละลายได้ใน 24-36 เดือน
การกระตุ้นคอลลาเจน: สูงสุด
เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากและต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการสร้างคอลลาเจน
ระยะสั้น (ทันที - 1 เดือน)
ผิวตึงกระชับขึ้นจากการยกกระชับของไหม
ริ้วรอยลดลงเล็กน้อย
ระยะกลาง (1-6 เดือน)
การสร้างคอลลาเจนเริ่มเห็นผลชัดเจน
ผิวดูอิ่มน้ำและเต่งตึงขึ้น
ริ้วรอยตื้นๆ จางลง
ระยะยาว (6-24 เดือน)
คอลลาเจนที่สร้างขึ้นช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิว
ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้
การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหม
2-4 สัปดาห์ก่อนทำ
ปรึกษาแพทย์: ประเมินสภาพผิวและเลือกชนิดไหมที่เหมาะสม
ตรวจสุขภาพ: เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมสำหรับหัตถการ
งดยาและอาหารเสริม: เช่น แอสไพริน, น้ำมันปลา, วิตามินอี ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
2 สัปดาห์ก่อนทำ
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol, AHA, BHA: เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อเตรียมผิวให้ชุ่มชื้นหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
48 ชั่วโมงก่อนทำ
งดออกกำลังกายหนัก: เพื่อลดการไหลเวียนเลือดมากเกินไป
พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
งดแอลกอฮอล์และบุหรี่: เพื่อช่วยให้กระบวนการฟื้นตัวดีขึ้น
การดูแลตัวเองหลังการร้อยไหม
24 ชั่วโมงแรก
ประคบเย็น: 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ
นอนศีรษะสูง: ประมาณ 30 องศา เพื่อลดการบวม
งดสัมผัสบริเวณที่ทำ: เพื่อป้องกันการเคลื่อนของไหม
รับประทานยา: ตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะ
2-7 วันแรก
งดการออกกำลังกายหนัก: เช่น วิ่งหรือยกน้ำหนัก
หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง: รับประทานอาหารอ่อนหรือเหลว
ล้างหน้าเบาๆ: ด้วยน้ำอุ่นและผลิตภัณฑ์อ่อนโยน
งดการแสดงสีหน้าแรงๆ: เช่น หัวเราะหรือยิ้มกว้าง
2-4 สัปดาห์
งดทำทรีทเมนต์ผิวหน้า: เช่น เลเซอร์หรือ RF
ทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++: ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
การดูแลระยะยาว
ดื่มน้ำมากๆ: อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เช่น โปรตีนสูงและอาหารที่มีคอลลาเจน
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Peptides, และ Hyaluronic Acid
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน
ผลข้างเคียงที่อาจพบ
ผลข้างเคียงทั่วไป
รอยช้ำและบวม: หายไปใน 1-2 สัปดาห์
อาการเจ็บหรือไม่สบาย: หายไปใน 3-5 วัน
ผิวแดง: หายไปใน 2-3 วัน
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย
การติดเชื้อ: สัญญาณคือบวมแดงมาก มีหนอง หรือมีไข้
ไหมโผล่: เกิดจากการร้อยไหมตื้นเกินไป
ความไม่สมมาตร: เกิดจากการวางตำแหน่งไหมไม่เท่ากัน
ข้อควรระวัง
ห้ามทำในกรณี:
มีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำ
โรคเลือดออกง่าย
ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
โรคภูมิแพ้รุนแรง
ข้อควรระวัง:
ผู้ที่เป็นเบาหวานอาจมีการหายของแผลช้า
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ
Comments