ร้อยไหมอยู่ได้นานไหม
- วันวิสาข์ 2540
- 30 มิ.ย.
- ยาว 2 นาที
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร โดยระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้:
📊 ระยะเวลาตามประเภทของไหม
1. ไหมละลาย PDO (Polydioxanone)
ระยะเวลา: 6-8 เดือน
กลไกการทำงาน: ละลายภายใน 4-6 เดือน แต่ผลกระตุ้นคอลลาเจนอยู่ได้นานกว่า
ข้อดี: เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ราคาไม่สูงมาก
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย อายุ 25-40 ปี
2. ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
ระยะเวลา: 12-18 เดือน
กลไกการทำงาน: กระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า PDO
ข้อดี: ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น กระชับผิวได้ดี
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยปานกลาง อายุ 35-50 ปี
3. ไหม PCL (Polycaprolactone)
ระยะเวลา: 18-24 เดือน
กลไกการทำงาน: ละลายช้ากว่า PDO และ PLLA กระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน
ข้อดี: ผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุด มีความยืดหยุ่นสูง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน อายุ 40-60 ปี
4. ไหมก้างปลา (Barbed Thread)
ระยะเวลา: 12-18 เดือน
กลไกการทำงาน: มีหนามช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี
ข้อดี: ยกกระชับได้ดีกว่าไหมธรรมดา
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก
5. ไหมเกลียว (Twisted Thread)
ระยะเวลา: 6-12 เดือน
กลไกการทำงาน: เพิ่มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจน
ข้อดี: เพิ่มความหนาของผิวได้ดี
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีผิวบาง ต้องการเพิ่มความหนาของผิว
🔍 ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์
1. ปัจจัยด้านผู้รับบริการ
อายุ: ผู้ที่อายุน้อยกว่ามักมีการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า
สภาพผิว: ผิวที่มีความหนาและแข็งแรงจะรักษาผลลัพธ์ได้นานกว่า
พฤติกรรม: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึก ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
การเผาผลาญ: ผู้ที่มีการเผาผลาญสูงอาจทำให้ไหมละลายเร็วขึ้น
การดูแลตัวเอง: การปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำหัตถการอย่างเคร่งครัด
2. ปัจจัยด้านหัตถการ
คุณภาพของไหม: ไหมที่มีคุณภาพสูงจะอยู่ได้นานกว่า
จำนวนเส้นไหม: จำนวนเส้นไหมที่มากขึ้นช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น
ความลึกในการร้อย: การร้อยไหมที่ระดับความลึกที่เหมาะสม
เทคนิคการร้อย: การร้อยแบบ 3D หรือการร้อยแบบตาข่ายให้ผลลัพธ์ที่นานกว่า
ประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงจะร้อยไหมได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
3. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
การสัมผัสแสงแดด: การสัมผัสแสง UV มากเกินไปเร่งการเสื่อมของคอลลาเจน
มลภาวะ: สารพิษในอากาศทำลายผิวและลดประสิทธิภาพของไหม
ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อการฟื้นฟูของผิว
🌟 วิธีการดูแลตัวเองก่อนร้อยไหม
🗓️ 4 สัปดาห์ก่อนร้อยไหม
ตรวจสุขภาพทั่วไปตรวจเลือดเพื่อดูการแข็งตัวของเลือด
ตรวจการทำงานของตับและไต แจ้งประวัติโรคประจำตัวกับแพทย์
งดยาและอาหารเสริมบางชนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: แอสไพริน วาร์ฟาริน
อาหารเสริม: น้ำมันปลา วิตามินอี โสม แปะก๊วย
ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs: ไอบูโพรเฟน นาโพรเซน
ปรับพฤติกรรม
งดสูบบุหรี่ (นิโคตินทำให้เส้นเลือดหดตัว)
ลดการดื่มแอลกอฮอล์ (ทำให้เลือดบางและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ)
เพิ่มการดื่มน้ำ (2-3 ลิตรต่อวัน)
เริ่มเสริมวิตามิน
วิตามินซี 1,000 มก./วัน (ช่วยสร้างคอลลาเจน)
วิตามินเค (ช่วยในการแข็งตัวของเลือด)
ซิงค์ (ช่วยในการฟื้นฟูผิว)
🗓️ 2 สัปดาห์ก่อนร้อยไหม
งดทรีทเมนต์ผิวหน้า เลเซอร์ทุกชนิด
เคมีพีล ไมโครเดิร์มาเบรชั่น
เมโสเธอราพี
งดผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์แรง
Retinol (วิตามินเอ)
AHA, BHA (กรดผลไม้)
ไฮโดรควิโนน
เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์
เตรียมผิวให้แข็งแรง
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น
ทาครีมกันแดดทุกวัน SPF 50+
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์และไฮยาลูโรนิค แอซิด
🗓️ 48 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม
งดแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
แอลกอฮอล์ทำให้เลือดบางและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
ลดความเครียด
เตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ
จัดเตรียมหมอนสูงสำหรับนอนหลังทำหัตถการ
เตรียมน้ำแข็งหรือเจลเย็นสำหรับประคบ เตรียมอาหารอ่อนที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก
🗓️ วันทำหัตถการ
การทำความสะอาดร่างกาย
อาบน้ำและสระผมให้สะอาด (หลังทำอาจต้องงดสระผม 1-2 วัน)
ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนโยน
การแต่งกาย
สวมเสื้อผ้าหลวมๆ ใส่สบายเสื้อที่ไม่ต้องดึงผ่านศีรษะ (เช่น เสื้อกระดุมหน้า)
ข้อควรปฏิบัติ
งดอาหารและน้ำ 6 ชั่วโมงก่อนทำ (กรณีใช้ยาสลบ)งดเครื่องสำอางทุกชนิด
มาถึงคลินิกก่อนเวลานัดอย่างน้อย 30 นาที
🌈 วิธีการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม
🗓️ 24 ชั่วโมงแรกการประคบเย็น
ประคบเย็น 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งหรือเจลเย็น (ไม่วางน้ำแข็งโดยตรงบนผิว)
ประคบเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
การนอนนอนหงายยกศีรษะสูง 30-45 องศา
ใช้หมอน 2-3 ใบรองศีรษะและไหล่
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคงโดยเด็ดขาด
ข้อห้ามเด็ดขาด
ห้ามสัมผัสหรือกดบริเวณที่ร้อยไหม
ห้ามล้างหน้าใน 24 ชั่วโมงแรก
ห้ามก้มหน้าหรือเงยหน้ามากเกินไป
ห้ามเคี้ยวอาหารแข็ง (ทานอาหารเหลวหรือนิ่มเท่านั้น)
การรับประทานยา
ทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ทานยาแก้ปวดตามกำหนด แม้จะยังไม่รู้สึกปวด
ทานยาลดบวม (ถ้ามี) ตามคำแนะนำของแพทย์
🗓️ วันที่ 2-7
การทำความสะอาดใบหน้า
เริ่มล้างหน้าได้เบาๆ ด้วยน้ำอุ่น
ใช้คลีนเซอร์อ่อนโยน ไม่มีสารกัดกร่อนซับหน้าแห้งเบาๆ ไม่ถูหรือขยี้
การบำรุงผิว
ทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ ทุกวัน
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีสารระคายเคือง งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinol
ข้อห้าม
ห้ามนวดหน้าหรือกดใบหน้า ห้ามใช้เครื่องนวดหน้าหรืออุปกรณ์กระตุ้นผิว
ห้ามออกกำลังกายหนัก (เช่น วิ่ง ยกน้ำหนัก โยคะท่ายาก)
ห้ามอาบน้ำร้อนหรือเข้าซาวน่า ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
การรับประทานอาหาร ทานอาหารนิ่ม เคี้ยวง่าย
เพิ่มการทานโปรตีน (ช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ)
ทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
🗓️ สัปดาห์ที่ 2-4
การดูแลผิว
เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ตามปกติ (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์แรง)
ทาครีมกันแดดเป็นประจำเริ่มใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิค แอซิดและเปปไทด์
กิจกรรมที่ทำได้
เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้ (เช่น เดิน โยคะเบาๆ)เริ่มแต่งหน้าได้เบาๆ (หลีกเลี่ยงการใช้แปรงแต่งหน้ากดแรงๆ)เริ่มทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
ข้อควรระวัง
ยังควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้าแรงๆหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ยังไม่ควรทำทรีทเมนต์ใบหน้าที่รุนแรง (เช่น เลเซอร์ เคมีพีล)
🗓️ หลัง 1 เดือน
การติดตามผลพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลถ่ายภาพเปรียบเทียบผลลัพธ์
การดูแลระยะยาวเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ตามปกติ
สามารถทำทรีทเมนต์เสริมได้ (ตามคำแนะนำของแพทย์)
ออกกำลังกายได้ตามปกติการยืดอายุผลลัพธ์
ทำทรีทเมนต์กระตุ้นคอลลาเจน เช่น อัลเทอร่าเธอร์มาจฉีดวิตามินบำรุงผิว
ดูแลสุขภาพผิวอย่างสม่ำเสมอ
⚠️ อาการที่ต้องพบแพทย์ด่วน
🚨 อาการฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์ทันที
อาการปวดรุนแรงปวดมากผิดปกติ ยาแก้ปวดไม่สามารถบรรเทาได้
ปวดแบบตุบๆ ต่อเนื่อง อาการบวมผิดปกติ
บวมมากขึ้นหลังวันที่ 3
บวมแดงร้อน สัญญาณการติดเชื้อ
มีไข้สูง มีหนองหรือสารคัดหลั่งผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
ความผิดปกติของผิวหนัง ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีซีด เขียว หรือม่วงคล้ำ
ชาหรือด้านความรู้สึก ผิวหนังเย็นผิดปกติ ปัญหาเกี่ยวกับไหม
ไหมทะลุผิวหนัง ไหมเคลื่อนตำแหน่ง
รู้สึกถึงเส้นไหมใต้ผิวหนังชัดเจนผิดปกติ ความผิดปกติของใบหน้า
ใบหน้าไม่สมมาตรกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง
ไม่สามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ
📈 วิธีการยืดอายุผลลัพธ์จากการร้อยไหม
1. การดูแลผิวประจำวัน
ทำความสะอาดผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
บำรุงผิว: ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ Peptides, Growth Factors
ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน แม้อยู่ในร่ม
เอกซ์โฟลิเอท: ใช้ผลิตภัณฑ์เอกซ์โฟลิเอทอ่อนๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
2. การดูแลสุขภาพ
ดื่มน้ำ: อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
ทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นโปรตีน วิตามินซี และต้านอนุมูลอิสระ
นอนหลับให้เพียงพอ: 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ลดความเครียด: ฝึกสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมผ่อนคลาย
3. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
แสงแดดจัด: สวมหมวก แว่นกันแดด เมื่อออกแดด
บุหรี่และแอลกอฮอล์: ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน
อาหารที่มีน้ำตาลสูง: เร่งกระบวนการไกลเคชั่น ทำลายคอลลาเจน
การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: ทำให้ผิวหย่อนคล้อย
4. ทรีทเมนต์เสริม
HIFU (อัลเทอร่า): ทำทุก 12-18 เดือน
เธอร์มาจ: ทำทุก 12-18 เดือน
เมโสเธอราพี: ฉีดวิตามินและสารบำรุงผิวทุก 3-6 เดือน
เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน: ทำทุก 3-6 เดือน🧠 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
❓ ร้อยไหมเจ็บไหม?
การร้อยไหมมีความเจ็บปวดระดับปานกลาง แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการ ทำให้รู้สึกเพียงแรงกดหรือแรงดึงเล็กน้อย ความเจ็บปวดหลังทำมักอยู่ในระดับที่ทนได้และบรรเทาด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
❓ ร้อยไหมต้องทำซ้ำทุกกี่เดือน?
ขึ้นอยู่กับประเภทของไหม โดยทั่วไป:
ไหม PDO: ทำซ้ำทุก 6-8 เดือน
ไหม PLLA: ทำซ้ำทุก 12-18 เดือน
ไหม PCL: ทำซ้ำทุก 18-24 เดือน
❓ ร้อยไหมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่พบได้:
รอยช้ำและบวม (พบได้บ่อย หายได้เอง)
ความไม่สมมาตรชั่วคราว (มักดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์)
รู้สึกตึงหรือแน่น (ปกติในช่วงแรก)
การติดเชื้อ (พบได้น้อย)
ไหมทะลุผิวหนัง (พบได้น้อย)
❓ ร้อยไหมเห็นผลทันทีหรือไม่?
เห็นผลทันทีในระดับหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเห็นหลังจาก 1-2 เดือน เมื่ออาการบวมหายและคอลลาเจนถูกกระตุ้นให้สร้างมากขึ้น
Comments