การฉีด Filler เป็นวิธีที่นิยมในการปรับปรุงรูปลักษณ์ของใบหน้า เช่น การเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก หรือเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากและแก้ม การเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีด Filler:
1.การปรึกษาแพทย์:
•เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการฉีด Filler
•แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังใช้อยู่ให้แพทย์ทราบ
•ปรึกษาเกี่ยวกับชนิดของ Filler ที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของคุณ
•ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวังและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
2.การเตรียมตัวด้านยา:
•งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
•หลีกเลี่ยงการใช้วิตามินอี น้ำมันปลา และสมุนไพรบางชนิด เช่น กิงโก บิโลบา กระเทียม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
3.การดูแลผิวหน้า:
•งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือกรดผลไม้เข้มข้น (AHAs, BHAs) อย่างน้อย 2-3 วันก่อนฉีด
•หลีกเลี่ยงการทำทรีทเมนต์ผิวหน้า เช่น การขัดผิว เลเซอร์ หรือ chemical peel อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
4.การปรับพฤติกรรม:
•งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและบวม
5.การเตรียมตัวในวันฉีด:
•ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด และไม่ควรแต่งหน้ามา
•แต่งกายสบายๆ และมาถึงคลินิกก่อนเวลานัดเพื่อให้มีเวลาผ่อนคลาย
วิธีปฏิบัติตัวหลังฉีด Filler:
1.การดูแลบริเวณที่ฉีด:
•หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังการรักษา
•ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ โดยประคบ 10-15 นาทีทุก 1-2 ชั่วโมงในวันแรก
•หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าในคืนแรกหลังฉีด และพยายามนอนหงายยกหัวสูงเล็กน้อย
2.การทำกิจกรรมและออกกำลังกาย:
•งดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
•หลีกเลี่ยงการเล่นโยคะหรือท่าที่ต้องก้มหน้าลงเป็นเวลา 1-2 วัน
3.การดูแลผิวหน้า:
•ล้างหน้าเบาๆ ในวันแรก ไม่ควรขัดหรือถูแรง
•สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีดประมาณ 4-6 ชั่วโมง แต่ควรระวังไม่ให้กดบริเวณที่ฉีด
•ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง (อย่างน้อย SPF 30) ทุกวัน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1 สัปดาห์
4.การปรับพฤติกรรม:
•งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ อาบน้ำร้อนจัด เป็นเวลา 1-2 วัน
•งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการไหลเวียนเลือดและการหายของแผล
5.การสังเกตอาการ:
•อาการบวม รอยช้ำ หรือรอยแดงเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ และมักหายไปภายใน 1-2 วัน
•หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก เจ็บรุนแรง มีไข้ หรือผิวเปลี่ยนสีผิดปกติ ให้ติดต่อแพทย์ทันที
6.การติดตามผล:
•ผลลัพธ์ของ Filler จะเห็นได้ทันทีหลังฉีด แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
•นัดติดตามผลกับแพทย์ตามที่แนะนำ โดยทั่วไปมักเป็น 2 สัปดาห์หลังฉีด
7.การดูแลสุขภาพโดยรวม:
•ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยในการขับสารพิษและรักษาความชุ่มชื้นของผิว
•รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีและโปรตีนสูงเพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจน
•พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดี
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีด Filler มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และยืดอายุการใช้งานของ Filler ได้ อย่างไรก็ตาม แต่ละบุคคลอาจมีการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการปรึกษาและติดตามผลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ
คลินิก กู๊ด ด็อกเตอร์ เมดิคอล คลินิก จัดตั้งอยู่ในโครงการLittle walk ถนนสุขุมวิทพัทยากลาง
เวลาเปิดทำการ10.00น ถึง 20.00น เปิดทุกวัน
Comments