HYCOOX ลดสิว ลดรอยแดง รอยดำจากสิวได้ไหม
- วันวิสาข์ 2540
- 27 เม.ย.
- ยาว 2 นาที
เครื่อง HYCOOX เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในวงการความงามที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหลากหลายประเภท รวมถึงปัญหาสิว รอยแดง และรอยดำจากสิว ด้วยการใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนและออกซิเจนบำบัด (Hydrogen-Oxygen Therapy) ร่วมกับแสงบำบัด (Phototherapy) ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในและลดการอักเสบของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่อง HYCOOX ลดสิวและรอยแดง รอยดำจากสิวได้อย่างไร?
1. การลดสิว
ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes: แสง LED สีฟ้าจากเครื่อง HYCOOX มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ
ลดการอักเสบ: เทคโนโลยีไฮโดรเจนช่วยลดการอักเสบของผิวและลดการเกิดสิวใหม่
ควบคุมความมัน: กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้สมดุล ลดความมันส่วนเกินที่เป็นสาเหตุของการอุดตันรูขุมขน
ผลัดเซลล์ผิว: ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตันในรูขุมขน
2. การลดรอยแดงจากสิว
ลดการอักเสบของผิว: แสง LED สีแดงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดการอักเสบและรอยแดงที่เกิดจากสิว
ฟื้นฟูเซลล์ผิว: เพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
ปรับสมดุลผิว: ช่วยให้ผิวมีสีสม่ำเสมอ ลดรอยแดงจากการอักเสบ
เพิ่มออกซิเจนให้ผิว: ออกซิเจนบำบัดช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและการส่งออกซิเจนสู่ผิว ช่วยลดรอยแดงและการอักเสบ
3. การลดรอยดำจากสิว
ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน: เทคโนโลยีไฮโดรเจนและแสง LED สีเหลืองช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เป็นสาเหตุของรอยดำ
ผลัดเซลล์ผิวที่มีเม็ดสีสะสม: เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่มีเม็ดสีสะสมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ: ช่วยให้รอยดำดูจางลงและผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น
ต้านอนุมูลอิสระ: ไฮโดรเจนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดรอยดำเพิ่ม
กลไกการทำงานของเครื่อง HYCOOX
เทคโนโลยีไฮโดรเจนและออกซิเจนบำบัด
การสร้างไฮโดรเจนโมเลกุลขนาดเล็ก: เครื่องจะแยกน้ำบริสุทธิ์เป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน
การนำส่งไฮโดรเจนสู่ผิว: ไฮโดรเจนโมเลกุลขนาดเล็กสามารถซึมผ่านชั้นผิวได้ลึก
การต้านอนุมูลอิสระ: ไฮโดรเจนจับกับอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและความเสื่อม
การเพิ่มออกซิเจนให้ผิว: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและการส่งออกซิเจนสู่เซลล์ผิว
เทคโนโลยีแสงบำบัด (LED Therapy)แสง LED สีฟ้า (415-420 nm): ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่เป็นสาเหตุของสิว
แสง LED สีแดง (630-635 nm): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ และเร่งการฟื้นฟูผิว
แสง LED สีเหลือง (585-590 nm): ลดรอยแดง รอยดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
แสง LED สีเขียว (520-525 nm): ลดความมัน ปรับสมดุลผิว และลดรอยแดงวิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำ HYCOOX
การเตรียมตัวก่อนทำ HYCOOX
การเตรียมตัวที่เหมาะสมจะช่วยให้การรักษาด้วย HYCOOX มีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงของการระคายเคือง
1. ก่อนทำ 2 สัปดาห์
งดการทำทรีตเมนต์ที่รุนแรง เช่น เลเซอร์, ปีลลิ่ง, RF หรือการใช้เข็มกลิ้ง
งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA, Salicylic Acid
งดใช้เรตินอลหรือวิตามินเอ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
งดการขัดหรือสครับผิวหน้า เพื่อป้องกันการทำลายชั้นผิวที่อ่อนแอ
แจ้งแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ หากมีประวัติแพ้แสงหรือมีโรคผิวหนัง 2. ก่อนทำ 1 สัปดาห์
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์หรือไฮยาลูรอนิก แอซิด
ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน แม้อยู่ในร่ม เพื่อป้องกันการกระตุ้นเม็ดสี
ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี พริกหวาน เพื่อเสริมการต้านอนุมูลอิสระ
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งและไวต่อการระคายเคือง
3. ก่อนทำ 3 วัน
งดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ผิวแห้งและอาจเพิ่มความไวต่อการระคายเคือง
งดการรับประทานอาหารรสจัด เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด ที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
นอนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟู
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด เพราะจะทำให้ผิวแห้งและไวต่อการระคายเคือง
งดการขัดผิวหรือใช้สครับ เพื่อไม่ให้ผิวบอบบางเกินไป
4. วันที่ทำทรีตเมนต์
ล้างหน้าให้สะอาด ด้วยคลีนเซอร์อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
ไม่แต่งหน้ามาทำทรีตเมนต์ เพื่อให้ผิวสะอาดและรับการรักษาได้อย่างเต็มที่
แจ้งผู้เชี่ยวชาญ หากมีประวัติแพ้หรือมีโรคผิวหนัง
ถ่ายรูปผิวก่อนทำ เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
สวมเสื้อผ้าที่สบาย และไม่รัดแน่นเกินไป เพื่อความสะดวกในการทำทรีตเมนต์
มาถึงก่อนเวลานัดอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้ผิวปรับตัวกับอุณหภูมิห้อง
การดูแลตัวเองหลังทำ HYCOOX
การดูแลหลังทำ HYCOOX อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
1. ทันทีหลังทำทรีตเมนต์ (24 ชั่วโมงแรก)
ประคบเย็น หากรู้สึกร้อนหรือแดงเล็กน้อย ด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำแข็งโดยตรง)
ทามอยส์เจอไรเซอร์บางๆ ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรค
งดการอาบน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
งดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะเหงื่ออาจระคายเคืองผิวที่เพิ่งได้รับการรักษา
งดการใช้เครื่องสำอางทุกชนิด เพื่อให้ผิวได้พักฟื้นอย่างเต็มที่
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และใช้หมวกหรือร่มเมื่อต้องออกนอกบ้าน
2. หลังทำทรีตเมนต์ 1-3 วัน
ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุก 2 ชั่วโมงหากต้องออกนอกบ้าน
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ในช่วงเช้าเพื่อป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี หรือ นิอาซินาไมด์ ในช่วงกลางคืนเพื่อฟื้นฟูผิว
งดการแต่งหน้าหนัก หากจำเป็นให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์
ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA, Salicylic Acid
ทาครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพื่อลดการระคายเคือง
3. หลังทำทรีตเมนต์ 4-7 วัน
เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอ่อนๆ เช่น Mandelic Acid หรือ Lactic Acid เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว (สัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป)
ทำมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซี สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลภาวะสูง หากจำเป็นให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติป้องกันมลภาวะ
กลับไปทำทรีตเมนต์ซ้ำ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ (โดยทั่วไปแนะนำทุก 2-4 สัปดาห์ จำนวน 6-8 ครั้ง)
เพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, Coenzyme Q10
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนิอาซินาไมด์ เพื่อช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิว
4. การดูแลระยะยาว
ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้อยู่ในร่ม และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เป็นประจำในตอนเช้า
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ในตอนกลางคืน (หลังจากผ่านไป 1 เดือน)
ทำทรีตเมนต์บำรุงผิวเป็นประจำ เช่น มาส์กหน้า หรือนวดหน้า
ตรวจสอบผิวอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ปลา ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ถั่ว และน้ำมันมะกอก
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบของผิว
ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำ HYCOOX
ระยะสั้น (หลังทำ 1-3 ครั้ง)
สิวอักเสบลดลงอย่างชัดเจน 30-50%
รอยแดงดูจางลง 20-40%
ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
รูขุมขนกระชับขึ้นเล็กน้อย
ความมันบนใบหน้าลดลง
ผิวนุ่มและชุ่มชื้นขึ้น
ระยะกลาง (หลังทำ 4-6 ครั้ง)
รอยดำจากสิวจางลง 50-70%
สิวใหม่ลดลง 60-80%
รูขุมขนกระชับและผิวเรียบเนียนขึ้น
ลดการอักเสบของผิวอย่างชัดเจน
สีผิวสม่ำเสมอขึ้น
ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น
ระยะยาว (หลังทำครบคอร์ส 6-8 ครั้ง)
รอยดำจากสิวจางลง 70-90%
ลดการเกิดสิวใหม่ 80-95%
ผิวแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อมลภาวะและแสงแดดดีขึ้น
รูขุมขนกระชับอย่างชัดเจน
ผิวเรียบเนียน มีความชุ่มชื้นและกระจ่างใส
ลดริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ
ผิวมีออร่าและดูสุขภาพดี
ข้อควรระวังและข้อห้าม
ผู้ที่ไม่ควรใช้เครื่อง HYCOOX
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบรุนแรง
ผู้ที่มีแผลเปิดหรือติดเชื้อบริเวณใบหน้า
ผู้ที่เพิ่งทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์รุนแรงมาไม่ถึง 2 สัปดาห์
ผู้ที่มีประวัติแพ้แสง (Photosensitivity)
ผู้ที่กำลังใช้ยาที่ทำให้ไวต่อแสง เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline
ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลมชัก หรือไวต่อแสงกระพริบ
ผู้ที่มีรอยสักบริเวณที่จะทำการรักษา
ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้
ผิวแดงเล็กน้อย (หายภายใน 1-2 ชั่วโมง)
รู้สึกร้อนวูบวาบขณะทำทรีตเมนต์
ผิวแห้งตึงเล็กน้อย (1-2 วัน)
ผิวลอกเป็นขุย (พบได้น้อย)
ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น (ชั่วคราว)
อาจเกิดการระคายเคืองเล็กน้อยในผู้ที่มีผิวบอบบาง
อาจเกิดการแพ้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ง่าย (พบได้น้อยมาก)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก โดยเฉพาะในเรื่องของการลดการอักเสบและความมันบนใบหน้า แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลดรอยดำจากสิว แนะนำให้ทำอย่างน้อย 6-8 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 2-4 สัปดาห์
2. ทำแล้วเจ็บหรือไม่?
การทำ HYCOOX ไม่เจ็บ อาจรู้สึกอุ่นๆ หรือร้อนวูบวาบเล็กน้อยขณะทำทรีตเมนต์ แต่ไม่ถึงกับเจ็บปวด
3. มีดาวน์ไทม์หรือไม่?
HYCOOX เป็นทรีตเมนต์ที่ไม่มีดาวน์ไทม์ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและการแต่งหน้าหนักในวันที่ทำทรีตเมนต์
4. เหมาะกับผิวประเภทใดบ้าง?
HYCOOX เหมาะกับทุกประเภทผิว ทั้งผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง และผิวบอบบาง แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำหากมีผิวที่บอบบางมากหรือมีโรคผิวหนัง
5. สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้หรือไม่?
สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้ แต่ควรเว้นระยะห่างที่เหมาะสม เช่น ควรเว้นห่างจากการทำเลเซอร์หรือปีลลิ่งอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
Comments