Filler ยี่ห้อไหนดี

🌟 รายละเอียดเปรียบเทียบฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ
1. Restylane 🇸🇪 (สวีเดน)
เทคโนโลยี: NASHA & OBT Technology
ข้อดี:
✅ โครงสร้างโมเลกุลแน่น ปั้นรูปทรงได้ชัดเจน
✅ อยู่ได้นาน 9-18 เดือน
✅ มีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ
✅ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากทั่วโลก
✅ เหมาะกับการปั้นโครงหน้า คาง กรอบหน้า
ข้อเสีย:
❌ เนื้อค่อนข้างแข็งกว่ายี่ห้ออื่น
❌ ราคาสูง (15,000-18,000 บาท/1cc)
❌ อาจรู้สึกเป็นก้อนถ้าฉีดผิดตำแหน่ง
2. Juvederm 🇺🇸 (สหรัฐอเมริกา)
เทคโนโลยี: Vycross Technology
ข้อดี:
✅ เนื้อนิ่มมาก กระจายตัวดีเยี่ยม
✅ ผลลัพธ์ดูธรรมชาติที่สุด
✅ อยู่ได้นานที่สุด 12-24 เดือน
✅ เหมาะกับจุดที่ต้องการความนุ่ม เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา
ข้อเสีย:
❌ ราคาสูงที่สุด (18,000-22,000 บาท/1cc)
❌ อาจบวมง่ายในช่วงแรก
❌ บางรุ่นไม่เหมาะกับการปั้นโครงสร้างที่ต้องการความคมชัด
3. Belotero 🇨🇭 (สวิตเซอร์แลนด์)
เทคโนโลยี: CPM Technology
ข้อดี:
✅ เนื้อบางเบา เหมาะกับผิวบาง
✅ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใต้ตา
✅ ปั้นทรงได้ละเอียด ไม่เป็นก้อน
✅ กระจายตัวสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ธรรมชาติ
ข้อเสีย:
❌ อยู่ได้ไม่นานมาก (9-15 เดือน)
❌ ราคากลาง-สูง (12,000-15,000 บาท/1cc)
❌ ไม่เหมาะกับการปั้นโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงมาก
4. Neuramis 🇰🇷 (เกาหลีใต้)
เทคโนโลยี: SHAPE™ Technology
ข้อดี:
✅ ราคาประหยัดที่สุด (8,000-12,000 บาท/1cc)
✅ เนื้อนิ่ม ฉีดง่าย ฟื้นตัวเร็ว
✅ เหมาะกับผู้เริ่มต้น
✅ มีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ
ข้อเสีย:
❌ อยู่ได้สั้นกว่ายี่ห้ออื่น (6-12 เดือน)
❌ ไม่เหมาะกับการปั้นโครงสร้างที่ต้องการความคมชัด
❌ คุณภาพโดยรวมรองจาก 3 ยี่ห้อแรก
🎯 เลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับความต้องการ
ต้องการปั้นโครงหน้า คาง กรอบหน้า: Restylane ✓
ต้องการเติมริมฝีปาก ร่องแก้ม: Juvederm ✓
ต้องการเติมใต้ตา ผิวบาง: Belotero ✓
งบประมาณจำกัด หรือใช้ครั้งแรก: Neuramis ✓