Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไง

Filler และ Botox เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมาก แต่มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้:

ความแตกต่างระหว่าง Filler และ Botox

Filler:

ส่วนประกอบ: ส่วนใหญ่เป็นสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ

การใช้งาน: ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก หรือเพิ่มปริมาตรให้กับบางส่วนของใบหน้า เช่น ริมฝีปาก แก้ม หรือใต้ตา

ผลลัพธ์: ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังจากการฉีด และสามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และตำแหน่งที่ฉีด

ผลข้างเคียง: อาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปภายในไม่กี่วัน

Botox:

ส่วนประกอบ: สาร Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง

การใช้งาน: ใช้เพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยที่หน้าผาก รอบดวงตา หรือระหว่างคิ้ว

ผลลัพธ์: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ภายใน 3-7 วันหลังการฉีด และคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน

ผลข้างเคียง: อาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด รวมถึงอาจมีอาการปวดศีรษะหรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

วิธีดูแลก่อนและหลังการฉีด

ก่อนการฉีด

หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน วิตามินอี และอาหารเสริมบางชนิดที่อาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้น ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด

ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่คุณกำลังใช้และประวัติการแพ้ต่างๆ

หลังการฉีด

หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด

หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือการทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงภายใน 24 ชั่วโมงหลังการฉีด

ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า หรือการอาบแดด Filler และ Botox เป็นวิธีการเสริมความงามที่มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งในแง่ของการใช้งาน ส่วนประกอบ และผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:

ความแตกต่างระหว่าง Filler และ Botox

Filler:

1.ส่วนประกอบ: มักจะเป็นสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกาย

2.การใช้งาน: ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก หรือเพิ่มปริมาตรให้กับบางส่วนของใบหน้า เช่น ริมฝีปาก แก้ม หรือใต้ตา

3.ผลลัพธ์: เห็นผลทันทีหลังการฉีด และสามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และตำแหน่งที่ฉีด

Botox:

1.ส่วนประกอบ: สาร Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรีย

2.การใช้งาน: ใช้เพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยที่หน้าผาก รอบดวงตา หรือระหว่างคิ้ว

3.ผลลัพธ์: เริ่มเห็นผลใน 3-7 วันหลังการฉีด และคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน

ประโยชน์และข้อดีข้อเสีย

Filler

ประโยชน์:

1.เติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

2.เพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ต้องการ เช่น ริมฝีปากหรือแก้ม

3.ผลลัพธ์เห็นได้ทันที

ข้อดี:

1.สามารถปรับแต่งรูปหน้าได้ตามต้องการ

2.ไม่ต้องพักฟื้นนาน

ข้อเสีย:

1.อาจเกิดอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด

2.ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเมื่อสารสลาย

Botox

ประโยชน์:

1.ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ

2.ช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์

ข้อดี:

1.ใช้เวลาในการทำไม่นาน

2.เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยเฉพาะจุด

ข้อเสีย:

1.อาจเกิดอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด

2.ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเมื่อสารหมดฤทธิ์

3.อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว

ทั้ง Filler และ Botox มีประโยชน์และข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีใดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมตามความต้องการและลักษณะของใบหน้าแต่ละบุคคล