ควรเลือกร้อยไหมหรือศัลยกรรมยกกระชับหน้าดี
- วันวิสาข์ 2540
- 10 นาทีที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
การเลือกระหว่างร้อยไหมกับศัลยกรรมยกกระชับหน้าเป็นการตัดสินใจสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมที่แตกต่างกัน บทความนี้จะให้ข้อมูลโดยละเอียดเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ร้อยไหมเป็นวิธีการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้ไหมพิเศษที่ละลายได้สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกและกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ไหมเหล่านี้ทำหน้าที่สองอย่าง:
ยกกระชับผิวทันที: ด้วยโครงสร้างของไหมที่มีหนามหรือเงี่ยงเล็กๆ จะช่วยยึดเนื้อเยื่อและยกกระชับผิวหน้า
กระตุ้นคอลลาเจน: ไหมจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่รอบๆ บริเวณที่ร้อย ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้นในระยะยาว
ประเภทของไหมที่ใช้ในการร้อยไหม ขั้นตอนการร้อยไหมโดยละเอียด
การปรึกษาและวางแผน
ประเมินสภาพผิวและความต้องการ
วางแผนตำแหน่งและจำนวนไหมที่จะใช้
ถ่ายภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
การเตรียมตัวก่อนทำ
งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน) 7-10 วัน
งดแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงงดอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี, สาหร่าย, กระเทียม
วันทำหัตถการ
ทำความสะอาดผิวหน้า
ฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณที่จะร้อยไหม
แพทย์จะทำเครื่องหมายบนใบหน้าเพื่อกำหนดตำแหน่งที่จะร้อยไหม
การร้อยไหม
แพทย์จะใช้เข็มพิเศษหรือแคนนูลาสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนังไหมจะถูกร้อยตามแนวที่วางแผนไว้
แพทย์จะปรับแต่งความตึงของไหมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ตัดปลายไหมที่เหลือออก และปิดแผล
ระยะเวลาทำหัตถการ: ประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมและบริเวณที่ร้อย
ตำแหน่งที่นิยมร้อยไหม
แก้ม: ยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย ลดร่องแก้ม
กรอบหน้า: ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ลดความหย่อนคล้อยบริเวณกราม
คิ้ว: ยกคิ้วให้สูงขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของเปลือกตาบน
คาง: ปรับรูปคางให้ชัดเจน กระชับเส้นกรามให้คมชัด
คอ: ลดความหย่อนคล้อยบริเวณคอ ลดเหนียง
ข้อดีของการร้อยไหม
ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการดมยาและภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
เห็นผลทันที: ผิวหน้าจะดูยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ และผลลัพธ์จะดีขึ้นอีกในช่วง 1-3 เดือนจากการกระตุ้นคอลลาเจน
พักฟื้นน้อย: สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-3 วัน ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันมากนัก
ไม่มีแผลเป็น: มีเพียงรอยเจาะเล็กๆ ที่หายได้เร็ว ไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด
ปรับแต่งได้: สามารถปรับแต่งความตึงได้ตามต้องการ และเลือกร้อยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา
ราคาไม่สูงมาก: ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมและประเภท
เสริมการรักษาอื่นได้: สามารถทำร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ความเสี่ยงต่ำ: มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัด
ข้อเสียของการร้อยไหม
ผลลัพธ์ชั่วคราว: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการดูแลหลังทำ
ไม่เหมาะกับปัญหาหนัก: ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก หรือมีผิวบางเกินไป
อาการข้างเคียง: อาจเกิดอาการบวม ช้ำ เจ็บ หรือรู้สึกแน่นตึงบริเวณที่ร้อยไหม
ความเสี่ยง: อาจเกิดการติดเชื้อ ไหมทะลุผิวหนัง ไหมเคลื่อนที่ หรือความไม่สมมาตรของใบหน้า
ต้องทำซ้ำ: ต้องทำซ้ำทุก 1-3 ปีเพื่อรักษาผลลัพธ์ ทำให้ค่าใช้จ่ายสะสมอาจสูงในระยะยาว
การดูแลหลังร้อยไหม
ช่วง 1-3 วันแรก:
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม (15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง)
นอนหงายและยกศีรษะสูง หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคง
รับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว
ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก:
หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือทำทรีตเมนต์บริเวณใบหน้า
งดออกกำลังกายหนัก การก้มหน้า หรือยกของหนัก
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้ามากเกินไป เช่น หัวเราะหรือยิ้มกว้างๆ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ร้อยไหม
2. ศัลยกรรมยกกระชับหน้า (Facelift)
หลักการทำงาน
ศัลยกรรมยกกระชับหน้า (Facelift หรือ Rhytidectomy) เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหนังและโครงสร้างใบหน้าที่หย่อนคล้อย โดยการตัดผิวหนังส่วนเกิน ปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (SMAS - Superficial Musculoaponeurotic System) เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าโดยละเอียด
การปรึกษาและวางแผน
ประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า
วางแผนเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม
ถ่ายภาพก่อนผ่าตัดเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
อธิบายความคาดหวังและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด 2-4 สัปดาห์
งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ (บุหรี่ทำให้การหายของแผลช้าลง)
งดแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์
ตรวจร่างกายและเจาะเลือดเพื่อประเมินความพร้อมในการผ่าตัด
เตรียมผู้ดูแลหลังผ่าตัด และจัดเตรียมสถานที่พักฟื้น
วันผ่าตัด
การวางยาสลบ (อาจเป็นการดมยาสลบทั้งตัวหรือยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยากล่อมประสาท)
การลงมีดตามแนวที่วางแผนไว้ (มักเป็นแนวผมหรือรอยพับธรรมชาติ)
การยกและปรับโครงสร้างชั้น SMAS
การตัดผิวหนังส่วนเกินออกและดึงให้ตึง
การเย็บปิดแผลอย่างประณีต
การพันผ้าพันแผลหรือใส่อุปกรณ์พยุงใบหน้า
ระยะเวลาผ่าตัด: ประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและประเภทของการผ่าตัดข้อดีของศัลยกรรมยกกระชับหน้า
ผลลัพธ์ถาวร: ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-10 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับอายุและการดูแลหลังผ่าตัด
แก้ปัญหาได้ครอบคลุม: แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และความหย่อนคล้อยบริเวณคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับโครงสร้างลึก: สามารถปรับโครงสร้างลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ไม่ใช่แค่ผิวหนังชั้นนอก
ผลลัพธ์ชัดเจน: ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและน่าพึงพอใจ สามารถทำให้ดูอ่อนกว่าอายุจริง 5-10 ปี
เหมาะกับปัญหาหนัก: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ทำครั้งเดียวอยู่นาน: ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำบ่อยๆ เหมือนการร้อยไหม ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ข้อเสียของศัลยกรรมยกกระชับหน้า
พักฟื้นนาน: ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ และอาจมีอาการบวมเล็กน้อยนานถึง 3 เดือน
ความเสี่ยงจากการผ่าตัด: เช่น การติดเชื้อ เลือดออกใต้ผิวหนัง (hematoma) แผลเป็นนูน
ความเสี่ยงต่อเส้นประสาท: อาจเกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราวหรือถาวร
ราคาแพง: ราคาประมาณ 150,000-500,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและชื่อเสียงของศัลยแพทย์
มีแผลเป็น: แม้จะซ่อนแผลไว้ตามแนวผมหรือรอยพับธรรมชาติ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดแผลเป็น
ความเสี่ยงจากการดมยา: มีความเสี่ยงจากการดมยาสลบ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
การดูแลหลังทำศัลยกรรมยกกระชับหน้า
ช่วง 1-7 วันแรก:
พักผ่อนให้เพียงพอและนอนยกศีรษะสูง (45 องศา)
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
รับประทานยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์
งดอาบน้ำที่ศีรษะ (อาจเช็ดตัวแทน)
ช่วง 1-4 สัปดาห์:
กลับมาพบแพทย์เพื่อตัดไหมตามนัด (มักเป็นวันที่ 7-10)
งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
สวมหมวกและใช้ครีมกันแดด SPF 50+ เมื่อออกนอกบ้าน
งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 4 สัปดาห์
การเปรียบเทียบร้อยไหมกับศัลยกรรมยกกระชับหน้า คำแนะนำในการเลือกวิธีที่เหมาะสม
ร้อยไหมเหมาะสำหรับคุณ หาก:
อายุยังน้อย: อยู่ในช่วงอายุ 30-45 ปี และเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว: ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ต้องกลับไปทำงานเร็ว
กลัวการผ่าตัด: ไม่ต้องการเสี่ยงกับการผ่าตัดใหญ่และการดมยาสลบ
งบประมาณจำกัด: มีงบประมาณไม่มาก หรือต้องการทดลองผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม
Comments