ร้อยไหมต้นแขน ต้นขา
- วันวิสาข์ 2540
- 3 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการร้อยไหม
1.1 นิยามและหลักการทำงาน
การร้อยไหม (Thread Lifting) คือการใช้เส้นไหมพิเศษสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย โดยไหมจะทำหน้าที่สองประการ คือ:
ยกกระชับผิวทันที: ไหมจะช่วยดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น
กระตุ้นคอลลาเจน: ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้นในระยะยาว
1.2 ประเภทของไหมที่ใช้ในการร้อยไหมต้นแขนและต้นขา
1.2.1 ไหมละลาย (Absorbable Threads)
ไหม PDO (Polydioxanone)
ละลายในร่างกายภายใน 4-6 เดือน
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-1.5 ปี
ไหม PLLA (Poly-L-lactic acid)
ละลายช้ากว่า PDO (6-12 เดือน)
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้นานกว่า
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน
ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1.5-2 ปี
ไหม PCL (Polycaprolactone)
ละลายช้าที่สุด (12-15 เดือน)
มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก
กระตุ้นคอลลาเจนได้นานและต่อเนื่อง
ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี1.2.2 รูปแบบของไหม
ไหมเรียบ (Mono Threads)
ลักษณะเป็นเส้นตรงเรียบ
ใช้สำหรับกระตุ้นคอลลาเจนเป็นหลัก
เหมาะสำหรับผิวบาง หรือบริเวณที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นของผิว
ไหมก้างปลา (Cog Threads)มีหนามเล็กๆ คล้ายก้างปลา
ช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี
ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจนกว่า
เหมาะสำหรับผิวที่หย่อนคล้อยมาก
ไหมเกลียว (Screw/Tornado Threads)
มีลักษณะเป็นเกลียวพัน
ช่วยเพิ่มปริมาตรและความหนาแน่นของผิว
เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการเพิ่มความแน่นของผิว
1.3 ข้อบ่งชี้ในการร้อยไหมต้นแขนและต้นขา
1.3.1 การร้อยไหมต้นแขน
ผิวหนังต้นแขนหย่อนคล้อย (แขนย้วย)
ผิวต้นแขนที่เสียความกระชับจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วผิวที่หย่อนคล้อยตามวัย
ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงต้นแขนให้ดูกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
1.3.2 การร้อยไหมต้นขา
ผิวหนังต้นขาด้านในหย่อนคล้อย
ผิวต้นขาที่เสียความกระชับจากการลดน้ำหนัก
เซลลูไลท์บริเวณต้นขา
ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงต้นขาให้กระชับขึ้น
2. ขั้นตอนการร้อยไหมต้นแขนและต้นขา
2.1 การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหม
2.1.1 การเตรียมตัว 2 สัปดาห์ก่อนทำ
งดยาและอาหารเสริมบางชนิด:
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน
อาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี สาหร่ายเกลียวทอง กระเทียม
งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์:
บุหรี่ทำให้การไหลเวียนเลือดแย่ลง ส่งผลต่อการหายของแผล
แอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดการช้ำง่ายขึ้น
แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว:
แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้ประจำ
แจ้งประวัติการแพ้ยาชา หรือวัสดุทางการแพทย์
2.1.2 การเตรียมตัว 1 สัปดาห์ก่อนทำ
ดูแลสุขภาพผิว:
ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือเรตินอล เพื่อช่วยเตรียมผิวให้แข็งแรง
หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ หรือการใช้สครับที่ระคายเคือง
หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่จะทำ:
งดการนวดหรือการใช้แรงกดบริเวณต้นแขนหรือต้นขา
ดื่มน้ำให้เพียงพอ:
ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
2.1.3 การเตรียมตัว 24 ชั่วโมงก่อนทำ
ทำความสะอาดร่างกาย:
อาบน้ำและทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการร้อยไหม
งดใช้โลชั่น ครีม หรือน้ำหอมบริเวณที่จะทำ
สวมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย:
เลือกเสื้อผ้าที่หลวมสบาย ไม่รัดแน่น
สำหรับการร้อยไหมต้นแขน ควรเลือกเสื้อแขนสั้นหรือเสื้อที่พับแขนได้ง่าย
สำหรับการร้อยไหมต้นขา ควรเลือกกางเกงที่ยืดหยุ่นได้ดี
พักผ่อนให้เพียงพอ:
นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงความเครียด
2.2 ขั้นตอนการร้อยไหม (โดยละเอียด)
2.2.1 การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มหัตถการ
การประเมินสภาพผิว:
แพทย์จะตรวจสอบลักษณะผิว ความหย่อนคล้อย และความหนาของผิวหนัง
วัดและทำเครื่องหมายบริเวณที่จะทำการร้อยไหม
การถ่ายภาพก่อนทำ:
บันทึกภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
การทำความสะอาดผิว:
ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น คลอเฮกซิดีน หรือโพวิโดนไอโอดีน
2.2.2 การให้ยาชา
ยาชาเฉพาะที่:
ทายาชาเฉพาะที่ (เช่น EMLA cream) ก่อนทำประมาณ 30-45 นาที
การฉีดยาชา:
ฉีดยาชาเฉพาะจุด (เช่น ลิโดเคน) บริเวณที่จะเป็นจุดสอดไหม
รอประมาณ 10-15 นาทีให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่
2.2.3 เทคนิคการร้อยไหมต้นแขน
การกำหนดจุดสอดไหม:
แพทย์จะกำหนดจุดสอดไหมบริเวณต้นแขนด้านใน
จุดสอดไหมมักอยู่บริเวณรอยพับข้อศอกและกระจายไปตามแนวต้นแขน
รูปแบบการร้อยไหมต้นแขน:
แบบตาข่าย (Mesh Pattern): ร้อยไหมในลักษณะตาข่ายเพื่อสร้างโครงสร้างรองรับผิว
แบบพัดกระจาย (Fan Pattern): ร้อยไหมในลักษณะกระจายออกจากจุดศูนย์กลาง
แบบขนาน (Parallel Pattern): ร้อยไหมขนานกันไปตามแนวยาวของต้นแขน
ขั้นตอนการร้อยไหม:
เจาะรูเล็กๆ ที่จุดสอดไหมด้วยเข็มขนาดเล็ก
สอดแคนนูล่า (cannula) หรือเข็มพิเศษเข้าไปใต้ผิวหนัง
สอดไหมผ่านแคนนูล่าเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ
ดึงแคนนูล่าออก ปล่อยให้ไหมอยู่ใต้ผิวหนังตัดปลายไหมที่เกินออกมาการปรับตำแหน่งไหม:
แพทย์จะปรับตำแหน่งของไหมเพื่อให้ได้การยกกระชับที่เหมาะสม
กดนวดเบาๆ เพื่อให้ไหมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
2.2.4 เทคนิคการร้อยไหมต้นขา
การกำหนดจุดสอดไหม:
จุดสอดไหมมักอยู่บริเวณต้นขาด้านในและด้านนอก
กำหนดจุดตามลักษณะความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล
รูปแบบการร้อยไหมต้นขา:
แบบตาข่าย: เหมาะสำหรับบริเวณที่มีเซลลูไลท์
แบบวงกลม (Circular Pattern): ร้อยไหมในลักษณะวงกลมรอบต้นขา
แบบกากบาท (Cross Pattern): ร้อยไหมในลักษณะไขว้กันเพื่อเพิ่มแรงยึด
ขั้นตอนการร้อยไหม:
เจาะรูเล็กๆ ที่จุดสอดไหม
สอดแคนนูล่าหรือเข็มพิเศษเข้าไปใต้ผิวหนัง
สอดไหมผ่านแคนนูล่าเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ
ดึงแคนนูล่าออก ปล่อยให้ไหมอยู่ใต้ผิวหนัง
ตัดปลายไหมที่เกินออกมา
การปรับตำแหน่งไหม:
ปรับตำแหน่งของไหมเพื่อให้ได้การยกกระชับที่เหมาะสม
กดนวดเบาๆ เพื่อให้ไหมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
2.2.5 การปิดแผล
ทาครีมฆ่าเชื้อบริเวณจุดสอดไหม
ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำขนาดเล็ก
ในบางกรณีอาจพันผ้ายืดเพื่อลดการบวมและช่วยให้ไหมอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
2.2.6 ระยะเวลาในการทำ
การร้อยไหมต้นแขนใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
การร้อยไหมต้นขาใช้เวลาประมาณ 45-90 นาที
ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และจำนวนไหมที่ใช้
3. การดูแลหลังการร้อยไหมต้นแขนและต้นขา
3.1 การดูแลในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
3.1.1 การดูแลแผล
ทำความสะอาดแผล:
เช็ดบริเวณจุดสอดไหมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์แนะนำ
ห้ามแกะหรือเกาบริเวณแผล
การปิดแผล:
เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลตามคำแนะนำของแพทย์
หากพลาสเตอร์เปียกน้ำ ควรเปลี่ยนทันที
3.1.2 การลดอาการบวมและช้ำ
การประคบเย็น:
ประคบเย็นบริเวณที่ทำการร้อยไหม ครั้งละ 15-20 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
ห่อน้ำแข็งด้วยผ้าสะอาดก่อนประคบ ไม่วางน้ำแข็งบนผิวโดยตรง
การนอนพัก:
นอนพักให้เพียงพอ ยกบริเวณที่ทำให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อลดอาการบวม
สำหรับต้นแขน อาจใช้หมอนรองแขนขณะนอน
สำหรับต้นขา อาจใช้หมอนรองใต้ขาขณะนอน
3.1.3 การรับประทานยา
รับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง (หากมี)
รับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์แนะนำ
รับประทานยาลดการอักเสบตามที่แพทย์สั่ง
3.1.4 ข้อควรหลีกเลี่ยง
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน: อาบน้ำอุ่นแทน และระวังไม่ให้น้ำกระทบจุดสอดไหมโดยตรง
งดการนวด: ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ทำการร้อยไหม
งดการออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายทุกชนิดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
งดการดื่มแอลกอฮอล์: งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
3.2 การดูแลในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
3.2.1 การดูแลบริเวณที่ร้อยไหม
การทำความสะอาด:
ทำความสะอาดบริเวณจุดสอดไหมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำ
อาบน้ำได้ตามปกติ แต่เช็ดบริเวณที่ทำให้แห้งเบาๆ ไม่ถูแรง
การทาครีม:
ทาครีมลดรอยช้ำตามที่แพทย์แนะนำ
ทาครีมกันแดด SPF 50+ เมื่อต้องออกแดด
3.2.2 การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย
การเคลื่อนไหวต้นแขน:
หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัม
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวต้นแขนที่รุนแรง เช่น การเล่นเทนนิส ว่ายน้ำ
เริ่มบริหารต้นแขนเบาๆ ได้หลังจาก 7-10 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
การเคลื่อนไหวต้นขา:
หลีกเลี่ยงการนั่งขัดสมาธิ
หลีกเลี่ยงการวิ่ง กระโดด หรือการออกกำลังกายที่กระแทก
เดินเบาๆ ได้หลังจาก 3-5 วัน
เริ่มบริหารต้นขาเบาๆ ได้หลังจาก 7-10 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
3.2.3 การสวมใส่เสื้อผ้า
สำหรับต้นแขน:
สวมเสื้อที่หลวมสบาย ไม่รัดแน่น
หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อที่ต้องยกแขนสูงในการสวมใส่
อาจสวมผ้ายืดพยุงต้นแขนตามที่แพทย์แนะนำ
สำหรับต้นขา:
สวมกางเกงที่หลวมสบาย ไม่รัดแน่น
หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงยีนส์หรือกางเกงที่รัดแน่น
อาจสวมกางเกงกระชับหรือถุงน่องกระชับตามที่แพทย์แนะนำ
3.2.4 ข้อควรระวัง
หลีกเลี่ยงความร้อน:
งดการอบซาวน่า อบไอน้ำ หรือแช่น้ำร้อน
หลีกเลี่ยงการตากแดดจัด
หลีกเลี่ยงการนวด:
งดการนวดบริเวณที่ทำการร้อยไหมอย่างน้อย 2 สัปดาห์
หากต้องการนวดหลังจาก 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
3.3 การดูแลในระยะยาว (หลัง 2 สัปดาห์ขึ้นไป)
3.3.1 การดูแลผิว
การทาครีมบำรุงผิว:
ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน อีลาสติน หรือเปปไทด์
ทาครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว
ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้อยู่ในร่ม
การดื่มน้ำ:
ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
การรับประทานอาหาร:
รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
รับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ถั่วเปลือกแข็ง
3.3.2 การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายสำหรับต้นแขน:
เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้หลังจาก 2 สัปดาห์
ค่อยๆ เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย
แนะนำการออกกำลังกายเพื่อเสริมกล้ามเนื้อต้นแขน เช่น การยกดัมเบลเบาๆการออกกำลังกายสำหรับต้นขา:
เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้หลังจาก 2 สัปดาห์
ค่อยๆ เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย
แนะนำการออกกำลังกายเพื่อเสริมกล้ามเนื้อต้นขา เช่น การเดิน สควอทเบาๆ
3.3.3 การติดตามผลการรักษา
การพบแพทย์ตามนัด:
เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา
แจ้งแพทย์หากมีความผิดปกติใดๆ
การถ่ายภาพเปรียบเทียบ:ถ่ายภาพเปรียบเทียบทุก 1-2 เดือน
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวและรูปร่าง
4. ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและการแก้ไข
4.1 ผลข้างเคียงทั่วไป
4.1.1 อาการที่พบได้บ่อย
อาการบวม:
เกิดขึ้นได้ใน 1-3 วันแรก
การแก้ไข:
ประคบเย็น
ยกบริเวณที่บวมให้สูงกว่าระดับหัวใจ
รับประทานยาลดบวมตามแพทย์สั่ง
รอยช้ำ:
เกิดขึ้นได้ใน 1-2 สัปดาห์แรก
การแก้ไข้
ทาครีมลดรอยช้ำ
ประคบเย็นในช่วงแรก
หลังจาก 3-4 วัน อาจประคบอุ่นเพื่อช่วยให้เลือดที่คั่งดูดซึมเร็วขึ้น
อาการเจ็บหรือปวด:
เกิดขึ้นได้ใน 1-2 สัปดาห์แรก
การแก้ไข:
รับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
Comments