ร้อยไหมแตกต่างกับโบท็อกซ์อย่างไร
- วันวิสาข์ 2540
- 1 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
ร้อยไหม (Thread Lifting)
หลักการทำงาน: ใช้เส้นไหมที่ละลายได้ฝังใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว
วัสดุ: ส่วนใหญ่ทำจาก PDO (Polydioxanone), PLLA (Poly-L-Lactic Acid) หรือ PCL (Polycaprolactone)
ผลลัพธ์: ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความตึงกระชับ
ระยะเวลาผลลัพธ์: 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม
กลไกการทำงาน: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวด้วยแรงทางกล
โบท็อกซ์ (Botox)หลักการทำงาน: ฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
วัสดุ: สารพิษโบทูลินัม ท็อกซิน ที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์
ผลลัพธ์: ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก รอยตีนกา
ระยะเวลาผลลัพธ์: 3-6 เดือน
กลไกการทำงาน: ยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว
ประเภทของไหม
ไหมธรรมดา (Mono Thread)
ลักษณะ: เส้นไหมเรียบ ไม่มีขอเกี่ยว
ผลลัพธ์: กระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
เหมาะกับ: ผิวบาง ริ้วรอยเล็กน้อย
ไหมหนาม (Cog Thread)
ลักษณะ: มีหนามหรือขอเกี่ยวตลอดเส้นไหม
ผลลัพธ์: ยกกระชับผิวได้มากกว่า เนื่องจากขอเกี่ยวช่วยดึงเนื้อเยื่อ
เหมาะกับ: ผิวที่หย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก
ไหมเกลียว (Screw/Twist Thread)
ลักษณะ: เส้นไหมบิดเป็นเกลียว
ผลลัพธ์: เพิ่มปริมาตรให้กับผิว
เหมาะกับ: บริเวณที่ต้องการเพิ่มปริมาตร เช่น ร่องแก้ม
ไหมร่ม (PCL Thread)
ลักษณะ: มีโครงสร้างคล้ายร่ม
ผลลัพธ์: ยกกระชับได้มากและอยู่ได้นาน (1-2 ปี)เหมาะกับ: ผิวที่หย่อนคล้อยมาก
วัสดุที่ใช้ทำไหม
PDO (Polydioxanone)
ระยะเวลาสลายตัว: 6-8 เดือน
ข้อดี: ปลอดภัย ใช้ในการผ่าตัดมานาน
การกระตุ้นคอลลาเจน: ปานกลาง
PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
ระยะเวลาสลายตัว: 12-18 เดือน
ข้อดี: กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ผลอยู่นาน
การกระตุ้นคอลลาเจน: สูง
PCL (Polycaprolactone)
ระยะเวลาสลายตัว: 12-24 เดือน
ข้อดี: ยืดหยุ่นดี ผลอยู่นานที่สุด
การกระตุ้นคอลลาเจน: สูงมาก
ตำแหน่งที่นิยมร้อยไหม
แก้ม: ยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย
คาง: เพิ่มความชัดเจนของไลน์คาง
คิ้ว: ยกคิ้วให้สูงขึ้น แก้ไขหนังตาตก
คอ: ลดความหย่อนคล้อยบริเวณคอ
ขมับ: ยกกระชับใบหน้าส่วนบน
กลไกการทำงานของร้อยไหม
ผลทางกล (Mechanical Effect): ไหมทำหน้าที่เหมือนโครงสร้างที่ช่วยพยุงและยกผิวขึ้น
ผลทางชีวภาพ (Biological Effect): การฝังไหมกระตุ้นการอักเสบเล็กน้อย ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินมาห่อหุ้มเส้นไหม
ผลระยะยาว: แม้ไหมจะสลายตัวไปแล้ว คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่จะช่วยให้ผิวยังคงกระชับต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ผลิตโดย Allergan
Dysport (Abobotulinumtoxin A)
ออกฤทธิ์เร็วกว่า Botox (2-3 วัน vs 4-7 วัน)
กระจายตัวในเนื้อเยื่อได้มากกว่า เหมาะกับบริเวณกว้าง
Xeomin (Incobotulinumtoxin A)
ไม่มีโปรตีนเสริม ลดโอกาสการดื้อยา
เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้
Jeuveau (Prabotulinumtoxin A)
รุ่นใหม่ล่าสุด มีราคาถูกกว่า
ผลลัพธ์คล้าย Botox
กลไกการทำงานของโบท็อกซ์
การยับยั้งสารสื่อประสาท: โบท็อกซ์ยับยั้งการปล่อยอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว
การคลายกล้ามเนื้อ: เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อจะลดลง
ผลชั่วคราว: ร่างกายจะสร้างเส้นประสาทใหม่หลังจาก 3-6 เดือน ทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ระหว่างคิ้ว: 15-25 ยูนิต
รอยตีนกา: 8-15 ยูนิตต่อข้าง
กราม: 20-30 ยูนิตต่อข้าง
คอ: 20-50 ยูนิต
4. การเตรียมตัวก่อนทำร้อยไหม
2 สัปดาห์ก่อนทำ
หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบ: หยุดรับประทานยาแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, นาโพรเซน
หลีกเลี่ยงอาหารเสริม: งดวิตามิน E, น้ำมันปลา, สาหร่าย, กระเทียม, ขิง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ลดการบริโภคแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
งดสูบบุหรี่: บุหรี่ทำให้การหายของแผลช้าลง1 สัปดาห์ก่อนทำ
งดทรีทเมนต์ผิวหน้า: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, เคมีพีล, ไมโครเดิร์มาเบรชั่น
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า: งดการนวดหน้าหรือการกดบริเวณที่จะทำการร้อยไหม
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, เรตินอล
3 วันก่อนทำ
เริ่มรับประทานยาต้านเชื้อราและแบคทีเรีย: หากแพทย์สั่ง
งดแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด: เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและบวม
ดื่มน้ำมาก: เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและเตรียมพร้อมสำหรับการรักษา
วันทำหัตถการ
ทำความสะอาดหน้า: ล้างหน้าให้สะอาด ไม่ทาเครื่องสำอางใดๆ
แจ้งประวัติการแพ้: แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้สารใดๆ
รับประทานอาหารเบาๆ: ทานอาหารเบาๆ ก่อนทำหัตถการ
สวมเสื้อผ้าสบายๆ: เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่รัดรูป
มาถึงก่อนเวลานัด: เพื่อให้มีเวลาทายาชาและผ่อนคลาย
5. การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
1 สัปดาห์ก่อนฉีด
หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบ: หยุดรับประทานแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน
งดอาหารเสริม: หยุดรับประทานวิตามิน E, น้ำมันปลา, กระเทียม, ขิง
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ลดการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
3 วันก่อนฉีด
งดทรีทเมนต์ผิวหน้า: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, เคมีพีล
ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า: งดการนวดหน้าหรือการกดบริเวณที่จะฉีดโบท็อกซ์
วันฉีด
ทำความสะอาดหน้า: ล้างหน้าให้สะอาด ไม่ทาเครื่องสำอางใดๆ
แจ้งประวัติการแพ้: แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้โบท็อกซ์หรือส่วนประกอบอื่นๆ
แจ้งประวัติการรักษา: แจ้งแพทย์หากเคยฉีดฟิลเลอร์หรือทำทรีทเมนต์อื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน
6. การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม
24 ชั่วโมงแรก
ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่มีอาการบวม 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
นอนหงาย: นอนหงายยกศีรษะสูง 30-45 องศา เพื่อลดอาการบวม
หลีกเลี่ยงการสัมผัส: ไม่แตะต้องบริเวณที่ร้อยไหม
รับประทานยาตามแพทย์สั่ง: ทานยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง
งดอาหารแข็ง: รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ซุป
1 สัปดาห์แรก
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้ามาก: ไม่เคี้ยวอาหารแข็ง ไม่อ้าปากกว้าง
นอนหงาย: นอนหงายยกศีรษะสูง ไม่นอนคว่ำหรือตะแคง
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: งดการออกกำลังกายที่ต้องก้มหัว หรือมีแรงกระแทก
หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง: ไม่อาบน้ำร้อน ไม่เข้าซาวน่า ไม่อบไอน้ำ
ทำความสะอาดใบหน้าเบาๆ: ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและคลีนเซอร์อ่อนๆ
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า: ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ร้อยไหม
ทาครีมกันแดด: ป้องกันแสงแดด ใช้ครีมกันแดด SPF 50+
2-4 สัปดาห์
เริ่มกลับมาทำกิจกรรมปกติได้: แต่ยังควรระมัดระวังการเคลื่อนไหวใบหน้ามาก
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า: ยังคงงดการนวดหน้าหรือทรีทเมนต์ที่มีการกดบริเวณที่ร้อยไหม
เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้: เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, เปปไทด์ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
ดื่มน้ำมากๆ: ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
ทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง: เช่น ซุปกระดูก, เจลาติน
1-2 เดือน
กลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติ: สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
เริ่มทรีทเมนต์ผิวหน้าได้: สามารถทำทรีทเมนต์ผิวหน้าเบาๆ ได้ เช่น เมโสเธอราพี, วิตามินซีเซรั่ม
พบแพทย์ตามนัด: ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล, วิตามินซี, เปปไทด์
อาการผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์
อาการบวมรุนแรง: บวมมากผิดปกติหรือบวมไม่ลดลงหลัง 1 สัปดาห์
อาการปวดรุนแรง: ปวดมากผิดปกติหรือปวดไม่ลดลงหลัง 3-5 วัน
มีก้อนแข็งใต้ผิวหนัง: รู้สึกมีก้อนแข็งใต้ผิวหนังที่ไม่ใช่ไหม
ผิวหนังเปลี่ยนสี: ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม หรือมีจุดดำ
มีการติดเชื้อ: มีหนอง มีไข้ มีอาการปวดร้อน
ไหมทะลุผิวหนัง: ไหมโผล่ออกมาจากผิวหนัง
7. การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
24 ชั่วโมงแรก
ไม่นอน: หลีกเลี่ยงการนอนเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังฉีด
ไม่สัมผัส: ไม่แตะต้อง นวด หรือกดบริเวณที่ฉีด
ไม่ก้มหน้า: หลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือนอนคว่ำ
เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ: ขมวดคิ้ว ยกคิ้ว หรือขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัวดี
ประคบเย็น: หากมีรอยช้ำ ให้ประคบเย็น 15-20 นาที
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายทุกชนิด
1 สัปดาห์แรก
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: งดดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า: ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง: ไม่อาบน้ำร้อน ไม่เข้าซาวน่า ไม่อบไอน้ำ
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: งดการออกกำลังกายที่ต้องก้มหัว หรือมีแรงกระแทก
ทาครีมกันแดด: ป้องกันแสงแดด ใช้ครีมกันแดด SPF 50+
งดทรีทเมนต์ผิวหน้า: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, เคมีพีล, ไมโครเดิร์มาเบรชั่น
2 สัปดาห์
สังเกตผลลัพธ์: โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์
พบแพทย์ตามนัด: หากมีการนัดติดตามผล
เริ่มกลับมาทำกิจกรรมปกติได้: สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
เริ่มทรีทเมนต์ผิวหน้าได้: สามารถทำทรีทเมนต์ผิวหน้าเบาๆ ได้
การดูแลระยะยาว
ฉีดซ้ำตามกำหนด: ฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์
ดูแลผิวพื้นฐาน: ทำความสะอาดผิว ทาครีมบำรุง ทาครีมกันแดด
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ทานอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี และโปรตีนสูง
หลีกเลี่ยงแสงแดด: สวมหมวก ใส่แว่นกันแดด ทาครีมกันแดด
ดื่มน้ำมากๆ: ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
Comments