ร้อยไหมมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
- วันวิสาข์ 2540
- 6 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
การร้อยไหม: ข้อดี ข้อเสีย และการดูแลตัวเองอย่างละเอียด
📊 ข้อดีของการร้อยไหม
1. ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน
ยกกระชับใบหน้าทันที: เห็นผลทันทีหลังทำหัตถการ โดยเฉพาะบริเวณแก้ม คาง และเส้นกรามที่จะดูชัดเจนขึ้น
ลดความหย่อนคล้อย: แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
ปรับรูปหน้า: สามารถปรับรูปหน้าให้เรียว V-shape ได้ตามต้องการ
ลดเลือนริ้วรอย: ช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณร่องแก้มและรอบปาก
2. กระบวนการทางชีวภาพที่เกิดขึ้น
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: เส้นไหมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินรอบๆ บริเวณที่ร้อย
เพิ่มความยืดหยุ่น: ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้นจากการกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ปรับปรุงเนื้อผิว: ผิวเรียบเนียนขึ้นจากการเพิ่มปริมาณคอลลาเจน
เพิ่มการไหลเวียนเลือด: การร้อยไหมช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง
3. ข้อดีด้านการทำหัตถการ
ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลขนาดใหญ่
ใช้เวลาน้อย: ใช้เวลาทำเพียง 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหม
ฟื้นตัวเร็ว: สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-3 วัน
ไม่มีแผลเป็นขนาดใหญ่: มีเพียงรอยเจาะเล็กๆ ที่หายได้เร็ว
ไม่ต้องดมยาสลบ: ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่
4. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
หลากหลายบริเวณ: นอกจากใบหน้า ยังใช้ได้กับคอ หน้าอก แขน และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ปรับแต่งได้: แพทย์สามารถปรับแต่งตำแหน่งและจำนวนเส้นไหมตามความต้องการเฉพาะบุคคล
ผสมผสานกับการรักษาอื่น: สามารถทำร่วมกับฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ได้
5. ประเภทของไหมที่หลากหลาย
ไหมละลาย PDO: เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเล็กน้อย ละลายใน 6-8 เดือน
ไหมละลาย PLLA/PLGA: อยู่ได้นานกว่า PDO ประมาณ 12-18 เดือน
ไหมก้างปลา: มีหนามเล็กๆ ช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยปานกลาง
ไหมเกลียว: เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจน
📊 ข้อเสียของการร้อยไหม
1. ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
อาการบวม: บวมเฉพาะที่ 3-7 วัน อาจบวมมากในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
รอยช้ำ: เกิดจากการแทงเข็มและการดึงไหม มักหายภายใน 7-10 วัน
เจ็บปวด: อาจมีอาการเจ็บปวดหรือไม่สบายในช่วง 1-3 วันแรก
ชา: อาจมีอาการชาบริเวณที่ร้อยไหม ซึ่งมักหายไปภายใน 2-4 สัปดาห์
รู้สึกตึง: รู้สึกตึงผิดปกติบริเวณที่ร้อยไหมในช่วงแรก
2. ความเสี่ยงจากหัตถการ
การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อการติดเชื้อบริเวณที่ทำ
ไหมทะลุผิวหนัง: ในบางกรณี เส้นไหมอาจทะลุผิวหนัง (extrusion)
ไหมเคลื่อนที่: ไหมอาจเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ความไม่สมมาตร: อาจเกิดความไม่สมมาตรของใบหน้าหากร้อยไหมไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
รู้สึกถึงไหม: ในบางราย อาจรู้สึกถึงเส้นไหมใต้ผิวหนังเมื่อสัมผัส
3. ข้อจำกัดของผลลัพธ์
ไม่ถาวร: ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทไหม
ต้องทำซ้ำ: ต้องทำซ้ำเมื่อไหมสลายตัวหรือผลลัพธ์เริ่มจางลง
ไม่เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยมาก: ไม่สามารถทดแทนการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก
ผลลัพธ์ไม่เท่ากับการผ่าตัด: ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า
4. ข้อจำกัดด้านบุคคล
ไม่เหมาะกับทุกคน: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง โรคออโตอิมมูน หรือโรคเลือด
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก: อาจเห็นเส้นไหมใต้ผิวหนังได้
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: ต้องรักษาให้หายก่อนทำหัตถการ
ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์: ควรรอให้คลอดและหยุดให้นมบุตรก่อนทำหัตถการ
5. ข้อเสียอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายสูง: ค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมและประเภทไหม
ต้องพึ่งความเชี่ยวชาญของแพทย์: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของแพทย์เป็นอย่างมาก
ข้อจำกัดในการทำกิจกรรม: ต้องงดกิจกรรมบางอย่างในช่วงแรกหลังทำหัตถการ
ความคาดหวังที่สูงเกินไป: บางคนอาจผิดหวังหากคาดหวังผลลัพธ์เทียบเท่าการผ่าตัด
📋 การดูแลตัวเองก่อนร้อยไหม
1. 4 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
ตรวจสุขภาพทั่วไป: ตรวจร่างกายเพื่อประเมินความพร้อมในการทำหัตถการ
แจ้งประวัติแพทย์: แจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และประวัติการแพ้ยา
งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด: งดยาแอสไพริน วาร์ฟาริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
งดอาหารเสริมบางชนิด: งดวิตามินอี น้ำมันปลา โสม แปะก๊วย และอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เริ่มทานวิตามินซี: ทานวิตามินซี 1000mg/วัน เพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจนและการหายของแผล
งดผลิตภัณฑ์ที่มีกรดแรง: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol, AHA, BHA เพื่อป้องกันการระคายเคือง
2. 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
งดแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและอาจทำให้เกิดรอยช้ำมากขึ้น
งดบุหรี่: บุหรี่ทำให้การหายของแผลช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หลีกเลี่ยงการทำทรีทเมนต์ผิว: งดเลเซอร์ เคมีพีล และทรีทเมนต์ผิวรุนแรงอื่นๆ
ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ ทุกวัน
ดื่มน้ำมากๆ: ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
3. 3-7 วันก่อนทำหัตถการ
งดยาแก้ปวด: งดยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพริน
งดอาหารที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด: เช่น กระเทียม ขิง ขมิ้น
เตรียมหมอนสำหรับนอนยกศีรษะสูง: เตรียมหมอน 2-3 ใบ สำหรับนอนยกศีรษะสูงหลังทำหัตถการ
เตรียมเจลประคบเย็น: เตรียมเจลประคบเย็นสำหรับลดอาการบวมหลังทำหัตถการ
เตรียมอาหารอ่อน: เตรียมอาหารอ่อนสำหรับรับประทานในช่วง 2-3 วันแรกหลังทำหัตถการ
ซื้อยาตามแพทย์สั่ง: เตรียมยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
4. 1 วันก่อนทำหัตถการ
ทำความสะอาดใบหน้า: ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอ่อนโยน
งดเครื่องสำอาง: ไม่ทาเครื่องสำอางใดๆ บนใบหน้า งดการขัดผิว: ไม่ขัดหรือสครับผิว
รับประทานอาหารเบาๆ: รับประทานอาหารเบาๆ และดื่มน้ำมากๆ
นอนหลับให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย: เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและไม่ต้องดึงผ่านศีรษะ
📋 การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม
1. 24 ชั่วโมงแรก (ระยะวิกฤติ)
ประคบเย็น: ประคบเย็น 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวม
นอนศีรษะสูง: นอนศีรษะสูง 30-45 องศา ตลอด 24 ชั่วโมงแรก
งดสัมผัสใบหน้า: ไม่แตะต้อง กด หรือนวดบริเวณที่ร้อยไหม
งดล้างหน้า: งดการล้างหน้า 24 ชั่วโมงแรก
รับประทานยา: ทานยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
งดอาหารแข็ง: รับประทานเฉพาะอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ซุป สมูทตี้
งดพูดมาก: ลดการเคลื่อนไหวของใบหน้าให้น้อยที่สุด
งดอาบน้ำร้อน: อาบน้ำอุ่นแทนน้ำร้อน และระวังไม่ให้น้ำโดนใบหน้า
หลีกเลี่ยงการก้มหน้า: ไม่ก้มหน้าหรือเงยหน้ามากเกินไป
งดการแปรงฟันแรงๆ: แปรงฟันเบาๆ เพื่อลดการเคลื่อนไหวของใบหน้า
2. วันที่ 2-7 (ระยะฟื้นฟู)
ล้างหน้าเบาๆ: ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอ่อนโยน
ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ ทุกวัน
ประคบเย็น: ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
นอนศีรษะสูง: นอนศีรษะสูงต่อไปอีก 3-5 วัน
งดการนวดหน้า: ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ร้อยไหม
งดการออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือมีการกระแทก
งดการเคี้ยวอาหารแข็ง: รับประทานอาหารอ่อนต่อไป
งดการแสดงสีหน้ามากเกินไป: ลดการยิ้มกว้าง หัวเราะ หรือแสดงสีหน้ารุนแรง
งดการนอนคว่ำ: นอนหงายหรือนอนตะแคงเล็กน้อย
งดการสระผมด้วยน้ำร้อน: สระผมด้วยน้ำอุ่นและระวังไม่ให้น้ำโดนใบหน้า
3. สัปดาห์ที่ 2-4 (ระยะปรับตัว)
เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของกรดแรง
เริ่มออกกำลังกายเบาๆ: เช่น เดินช้าๆ หรือโยคะเบาๆ
เริ่มทานอาหารปกติ: สามารถทานอาหารปกติได้ แต่ยังควรระวังอาหารที่ต้องเคี้ยวมาก
ทาครีมลดรอยช้ำ: ทาครีมที่มีส่วนผสมของ Arnica หรือ Vitamin K เพื่อลดรอยช้ำ
งดทรีทเมนต์ผิวหน้า: ยังคงงดทรีทเมนต์ผิวหน้าที่รุนแรง เช่น เลเซอร์ เคมีพีล
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: สวมหมวกกว้างและแว่นกันแดดเมื่อออกแดด
งดการนวดหน้าแรงๆ: ยังคงงดการนวดหน้าแรงๆ
งดการนอนทับใบหน้า: ยังคงระวังไม่นอนทับใบหน้าทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง: เช่น ซุปกระดูก เจลาติน ผักใบเขียว
ดื่มน้ำมากๆ: ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน4. เดือนที่ 2-3 (ระยะคงสภาพ)
ทำกิจกรรมได้ตามปกติ: สามารถทำกิจกรรมได้เกือบทั้งหมดตามปกติ
เริ่มทำทรีทเมนต์ผิวหน้าได้: สามารถเริ่มทำทรีทเมนต์ผิวหน้าเบาๆ ได้ เช่น มาส์กหน้า
พบแพทย์ตามนัด: พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลและประเมินความพึงพอใจ
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมกระตุ้นคอลลาเจน: เช่น เรตินอล เปปไทด์ วิตามินซี
ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ: ยังคงทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ ทุกวัน
สังเกตความผิดปกติ: สังเกตความผิดปกติ เช่น การเคลื่อนที่ของไหม หรือไหมทะลุผิวหนัง
ดูแลผิวให้แข็งแรง: ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ป้องกันริ้วรอย: หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ และความเครียด
วางแผนการร้อยไหมครั้งต่อไป: หากต้องการรักษาผลลัพธ์ ควรวางแผนการร้อยไหมครั้งต่อไปในอีก 1-2 ปี
5. อาการที่ต้องพบแพทย์ด่วน
ปวดรุนแรงผิดปกติ: ปวดรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด
บวมแดงมากขึ้นหลังวันที่ 3: อาการบวมและแดงควรลดลงหลังวันที่ 3 หากเพิ่มขึ้นอาจเกิดการติดเชื้อ
มีหนองหรือการติดเชื้อ: มีหนอง กลิ่นเหม็น หรือสารคัดหลั่งผิดปกติ
ชาหรืออ่อนแรงของใบหน้า: อาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาท
ผิวเปลี่ยนสีผิดปกติ: ผิวซีด เขียว หรือม่วงคล้ำ อาจเกิดจากการขาดเลือด
ไหมทะลุผิวหนัง: เส้นไหมทะลุผิวหนังออกมา
มีไข้สูง: อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้ออาการแพ้รุนแรง: ผื่นแดง คัน บวม หรือหายใจลำบาก
📌 สรุป
Comments