เลเซอร์ไดโอด(Diode)กับเลเซอร์แย็ก(YAG)แตกต่างกันอย่างไร
- วันวิสาข์ 2540
- 6 วันที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
เลเซอร์ทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความยาวคลื่น, วัตถุประสงค์การใช้งาน และผลลัพธ์ที่ต้องการ ในที่นี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละประเภท รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และวิธีดูแลก่อนและหลังการทำเลเซอร์
- ใช้ **ความยาวคลื่น 800-810 นาโนเมตร** (nm) ซึ่งเหมาะสำหรับการกำจัดขนและรักษารอยดำ
- ทำงานโดยการส่งพลังงานแสงเลเซอร์ไปยังเมลานิน (เม็ดสี) ในรูขุมขนเพื่อทำลายรากขน
- เหมาะสำหรับทุกสีผิว แต่มีประสิทธิภาพสูงสุดในผิวสีอ่อนถึงสีปานกลางที่มีขนสีเข้ม
**การใช้งาน**
- กำจัดขนถาวร
- ลดรอยดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ใช้ในกรณีรักษาสิวบางประเภท (ขึ้นอยู่กับเครื่อง)
**ข้อดี**
1. **เหมาะกับทุกสีผิว**: ปลอดภัยสำหรับผิวคล้ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหรือรอยไหม้ต่ำกว่าเลเซอร์บางชนิด
2. **เจ็บน้อยกว่า**: มีระบบทำความเย็นในตัวเพื่อลดความร้อนที่ผิวหนัง
3. **เห็นผลเร็ว**: การกำจัดขนถาวรใช้เวลาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์ประเภทอื่น
4. **เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่**: เช่น ขา, หลัง, หรือแขน
**ข้อเสีย**
1. **อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง**: เพื่อให้ขนหยุดขึ้นถาวร (ประมาณ 6-8 ครั้ง)
2. **ไม่เหมาะกับขนสีอ่อนหรือขนบาง**: เช่น ขนสีบลอนด์หรือขาว
3. **ราคา**: อาจมีราคาสูงในบางคลินิก
**2. เลเซอร์แย็ก (YAG Laser)**
- ใช้ **ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร (Nd:YAG)** และบางครั้งมีการปรับเป็น **532 นาโนเมตร (Q-Switched Nd:YAG)** เพื่อการรักษาที่หลากหลาย- ความยาวคลื่นที่ลึกกว่าเลเซอร์ไดโอด ทำให้สามารถเจาะลึกเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้
- เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาผิวที่ลึก เช่น รอยแผลเป็น, เส้นเลือดฝอย, หรือรอยสัก
**การใช้งาน**
- ลบรอยสัก (ทุกสี โดยเฉพาะสีดำและสีเข้ม)
- รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
- รักษาเส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดขอด
- กระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิว
**ข้อดี**
1. **เหมาะสำหรับผิวทุกสี**: โดยเฉพาะผิวคล้ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำต่ำ
2. **รักษาปัญหาผิวที่ลึก**: เช่น ฝ้า กระลึก หรือรอยสัก
3. **การเจาะลึกของเลเซอร์**: ช่วยรักษาปัญหาผิวที่อยู่ในชั้นลึกได้ดี เช่น เส้นเลือดฝอย
4. **ผลลัพธ์หลากหลาย**: ใช้ได้ทั้งลบรอยสักและรักษาปัญหาผิว
**ข้อเสีย**
1. **อาจเจ็บมากกว่า**: เนื่องจากเลเซอร์แย็กเจาะลึกเข้าสู่ผิวมากกว่า
2. **ต้องทำซ้ำหลายครั้ง**: เช่น การลบรอยสักอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี
3. **ราคา**: มักมีราคาสูงกว่าเลเซอร์ไดโอดในบางกรณี
**การดูแลก่อนและหลังทำเลเซอร์**
**การดูแลก่อนทำเลเซอร์**
1. **หลีกเลี่ยงแสงแดด**: อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันผิวไหม้
2. **งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว**: เช่น กรด AHA, BHA หรือ Retinol ก่อนทำเลเซอร์ 1 สัปดาห์
3. **งดโกนหรือถอนขน**: หากเป็นการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ควรปล่อยให้ขนขึ้นตามธรรมชาติ
4. **ปรึกษาแพทย์**: หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาบางชนิด เช่น ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
**การดูแลหลังทำเลเซอร์**
1. **หลีกเลี่ยงแสงแดด**: ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน และหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
2. **งดใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคือง**: เช่น กรดผลัดเซลล์ผิว, สครับ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์
3. **ประคบเย็น**: หากมีอาการบวมแดงหลังทำเลเซอร์
4. **หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวแรงๆ**: เช่น การถูหน้าแรงๆ หรือการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน
5. **เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว**: ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อฟื้นฟูผิว
6. **งดแต่งหน้า**: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำเลเซอร์ (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำแพทย์)
7. **ติดตามผลกับแพทย์**: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวลอก, แสบร้อน หรือเกิดรอยดำ
**สรุป**
Comments