top of page
ค้นหา

HYCOOX ต้องทำบ่อยแค่ไหน

1. ตามช่วงอายุ

อายุ 25-35 ปี: ทำทุก 12-18 เดือน (เน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข)

อายุ 35-45 ปี: ทำทุก 9-12 เดือน

อายุ 45-55 ปี: ทำทุก 6-9 เดือน

อายุ 55 ปีขึ้นไป: ทำทุก 4-6 เดือน (อาจต้องทำบ่อยขึ้นเนื่องจากผิวมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่า)

2. ตามสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย: ทำทุก 12 เดือน

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยปานกลาง: ทำทุก 6-9 เดือน

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก: อาจเริ่มด้วย 2-3 ครั้งในช่วง 6 เดือนแรก จากนั้นทำทุก 4-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์

3. ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

การทำครั้งแรกจะเห็นผลชัดเจนหลังจาก 2-3 เดือน (ระยะเวลาที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างเต็มที่)

ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำทรีทเมนต์

แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพผิวและแนะนำความถี่ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนทำทรีทเมนต์ HYCOOX

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทรีทเมนต์และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง:

1. การเตรียมตัว 2 สัปดาห์ก่อนทำทรีทเมนต์

หลีกเลี่ยงการตากแดด: งดการอาบแดดหรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน

งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol): หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล, เรตินอยด์ หรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ

งดการทำทรีทเมนต์อื่นๆ: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, การฉีดโบท็อกซ์, การฉีดฟิลเลอร์ หรือทรีทเมนต์ใดๆ ที่กระตุ้นผิวหน้า

2. การเตรียมตัว 1 สัปดาห์ก่อนทำทรีทเมนต์

งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHABHA, กรดไกลโคลิก หรือกรดซาลิไซลิก

งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเข้มข้น: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีความเข้มข้นสูง

งดการขัดผิว: หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือการใช้สครับที่มีความหยาบ

3. การเตรียมตัว 3 วันก่อนทำทรีทเมนต์

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: งดการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ

หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดบางลง: งดการใช้ยาแอสไพริน, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา, วิตามินอี, กระเทียม หรือขิง (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาประจำ)

4. วันที่ทำทรีทเมนต์

ล้างหน้าให้สะอาด: ล้างหน้าให้สะอาดและไม่ควรแต่งหน้ามาคลินิก

แจ้งประวัติการแพ้: แจ้งผู้ให้บริการเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาหรือสารใดๆ

แจ้งโรคประจำตัว: แจ้งผู้ให้บริการเกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานอยู่

สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย: สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป

การดูแลตัวเองหลังทำทรีทเมนต์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์และการฟื้นตัวของผิว:

1. การดูแลทันทีหลังทำทรีทเมนต์ (24 ชั่วโมงแรก)

ประคบเย็น: หากมีอาการบวมหรือแดง ให้ประคบด้วยน้ำแข็งห่อผ้าสะอาด ประคบเบาๆ ครั้งละ 10-15 นาที

งดการแต่งหน้า: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

งดการสัมผัสหรือขัดถูผิว: หลีกเลี่ยงการจับ บีบ หรือขัดถูผิวบริเวณที่ทำทรีทเมนต์

งดการอาบน้ำร้อน: อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นแทนน้ำร้อน

ทาครีมบำรุงอ่อนโยน: ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramide หรือ Aloe Vera เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

2. การดูแล 1-7 วันหลังทำทรีทเมนต์

ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ ทุกวัน แม้อยู่ในอาคาร

หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง: งดการตากแดดและสวมหมวกปีกกว้างเมื่อต้องออกนอกบ้าน

งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, เรตินอล หรือวิตามินซีเข้มข้นงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า, แช่น้ำร้อน, ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมาก

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

3. การดูแล 1-4 สัปดาห์หลังทำทรีทเมนต์

เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติ: สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติได้หลังจาก 1 สัปดาห์ แต่ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน

เพิ่มการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ: ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันและทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: รับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี, ผักผลไม้, และอาหารที่มีวิตามินซีเพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจน

4. การดูแลระยะยาว (หลังจาก 1 เดือน)

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล: เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและชะลอความเสื่อมของผิว

ใช้วิตามินซีในการบำรุงผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีในตอนเช้าเพื่อป้องกันอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ทำทรีทเมนต์บำรุงผิวเสริม: พิจารณาทำทรีทเมนต์บำรุงผิวเสริม เช่น การฉีดวิตามิน, การทำ Microneedling หรือการทำมาส์กหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน)

ตรวจสอบผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ: สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการทำทรีทเมนต์ครั้งต่อไป

ข้อควรระวังและข้อห้าม

ข้อควรระวัง

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: อาการแดง, บวม,หรือรู้สึกเสียวซ่าเล็กน้อยเป็นอาการปกติและจะหายไปใน 1-3 วัน

ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ, สภาพผิว, และการตอบสนองของร่างกาย

การฟื้นตัวของผิว: ผิวจะค่อยๆ กระชับขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำทรีทเมนต์ เนื่องจากเป็นช่วงที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น

ข้อห้าม

ไม่ควรทำทรีทเมนต์ HYCOOX หาก:

กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

มีปัญหาผิวหนังอักเสบ, ผิวติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการทำ

มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันหรือระบบผิวหนัง

มีประวัติการเป็นโรคเนื้องอกหรือมะเร็งผิวหนัง

มีการใช้ยา Accutane (Isotretinoin) ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ


การทำทรีทเมนต์ HYCOOX เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ความถี่ในการทำและการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำทรีทเมนต์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ที่ได้ โดยทั่วไปแล้ว ควรทำทรีทเมนต์ทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิว และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยาวนานที่สุด


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
HYCOOX ใช้วิตามินอะไร

วิตามินที่ใช้ร่วมกับ HYCOOX และการดูแลตัวเองอย่างละเอียด HYCOOX เป็นเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)...

 
 
 

コメント


ลิตเติ้ลวอล์คพัทยา 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

 Good Doctor Medical clinic 8/114 ต.หนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150

Tel: +6633002322

bottom of page