HYCOOX ต้องทำบ่อยแค่ไหน
- วันวิสาข์ 2540
- 2 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
HYCOOX เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound - HIFU) เพื่อยกกระชับผิวหน้าและลำคอโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยความถี่ในการทำทรีทเมนต์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย:
1. ตามช่วงอายุ
อายุ 25-35 ปี: ทำทุก 12-18 เดือน (เน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข)
อายุ 35-45 ปี: ทำทุก 9-12 เดือน
อายุ 45-55 ปี: ทำทุก 6-9 เดือน
อายุ 55 ปีขึ้นไป: ทำทุก 4-6 เดือน (อาจต้องทำบ่อยขึ้นเนื่องจากผิวมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่า)
2. ตามสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย: ทำทุก 12 เดือน
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยปานกลาง: ทำทุก 6-9 เดือน
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก: อาจเริ่มด้วย 2-3 ครั้งในช่วง 6 เดือนแรก จากนั้นทำทุก 4-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์
3. ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
การทำครั้งแรกจะเห็นผลชัดเจนหลังจาก 2-3 เดือน (ระยะเวลาที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างเต็มที่)
ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำทรีทเมนต์
แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพผิวและแนะนำความถี่ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนทำทรีทเมนต์ HYCOOX
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทรีทเมนต์และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง:
1. การเตรียมตัว 2 สัปดาห์ก่อนทำทรีทเมนต์
หลีกเลี่ยงการตากแดด: งดการอาบแดดหรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol): หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล, เรตินอยด์ หรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ
งดการทำทรีทเมนต์อื่นๆ: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, การฉีดโบท็อกซ์, การฉีดฟิลเลอร์ หรือทรีทเมนต์ใดๆ ที่กระตุ้นผิวหน้า
2. การเตรียมตัว 1 สัปดาห์ก่อนทำทรีทเมนต์
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHABHA, กรดไกลโคลิก หรือกรดซาลิไซลิก
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเข้มข้น: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีความเข้มข้นสูง
งดการขัดผิว: หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือการใช้สครับที่มีความหยาบ
3. การเตรียมตัว 3 วันก่อนทำทรีทเมนต์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: งดการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ
หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดบางลง: งดการใช้ยาแอสไพริน, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา, วิตามินอี, กระเทียม หรือขิง (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาประจำ)
4. วันที่ทำทรีทเมนต์
ล้างหน้าให้สะอาด: ล้างหน้าให้สะอาดและไม่ควรแต่งหน้ามาคลินิก
แจ้งประวัติการแพ้: แจ้งผู้ให้บริการเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาหรือสารใดๆ
แจ้งโรคประจำตัว: แจ้งผู้ให้บริการเกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานอยู่
สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย: สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป
การดูแลตัวเองหลังทำทรีทเมนต์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์และการฟื้นตัวของผิว:
1. การดูแลทันทีหลังทำทรีทเมนต์ (24 ชั่วโมงแรก)
ประคบเย็น: หากมีอาการบวมหรือแดง ให้ประคบด้วยน้ำแข็งห่อผ้าสะอาด ประคบเบาๆ ครั้งละ 10-15 นาที
งดการแต่งหน้า: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
งดการสัมผัสหรือขัดถูผิว: หลีกเลี่ยงการจับ บีบ หรือขัดถูผิวบริเวณที่ทำทรีทเมนต์
งดการอาบน้ำร้อน: อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นแทนน้ำร้อน
ทาครีมบำรุงอ่อนโยน: ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramide หรือ Aloe Vera เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
2. การดูแล 1-7 วันหลังทำทรีทเมนต์
ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ ทุกวัน แม้อยู่ในอาคาร
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง: งดการตากแดดและสวมหมวกปีกกว้างเมื่อต้องออกนอกบ้าน
งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, เรตินอล หรือวิตามินซีเข้มข้นงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า, แช่น้ำร้อน, ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมาก
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
3. การดูแล 1-4 สัปดาห์หลังทำทรีทเมนต์
เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติ: สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติได้หลังจาก 1 สัปดาห์ แต่ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน
เพิ่มการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ: ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันและทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: รับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี, ผักผลไม้, และอาหารที่มีวิตามินซีเพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจน
4. การดูแลระยะยาว (หลังจาก 1 เดือน)
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล: เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและชะลอความเสื่อมของผิว
ใช้วิตามินซีในการบำรุงผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีในตอนเช้าเพื่อป้องกันอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ทำทรีทเมนต์บำรุงผิวเสริม: พิจารณาทำทรีทเมนต์บำรุงผิวเสริม เช่น การฉีดวิตามิน, การทำ Microneedling หรือการทำมาส์กหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน)
ตรวจสอบผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ: สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการทำทรีทเมนต์ครั้งต่อไป
ข้อควรระวังและข้อห้าม
ข้อควรระวัง
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: อาการแดง, บวม,หรือรู้สึกเสียวซ่าเล็กน้อยเป็นอาการปกติและจะหายไปใน 1-3 วัน
ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ, สภาพผิว, และการตอบสนองของร่างกาย
การฟื้นตัวของผิว: ผิวจะค่อยๆ กระชับขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำทรีทเมนต์ เนื่องจากเป็นช่วงที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น
ข้อห้าม
ไม่ควรทำทรีทเมนต์ HYCOOX หาก:
กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
มีปัญหาผิวหนังอักเสบ, ผิวติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการทำ
มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันหรือระบบผิวหนัง
มีประวัติการเป็นโรคเนื้องอกหรือมะเร็งผิวหนัง
มีการใช้ยา Accutane (Isotretinoin) ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
コメント